Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

สัทธรรม

อาทิตย์ 08 พ.ย. 2009 2:16 pm

สนฺต ( ผู้สงบ ) + ธมฺม ( ธรรม )

ธรรมของผู้สงบ , ธรรมที่ทำให้เป็นผู้สงบ ได้แก่ พระสัทธรรม ๑๐ คือ มรรค ๔

ผล ๔ นิพพาน ๑ และปริยัติสัทธรรม ๑









คำว่า "สัทธรรม" หมายถึงธรรมของผู้สงบคือสัตบุรุษ ในพระไตรปิฎกแสดงไว้หลายนัย

คือ บางแห่งแสดงสัทธรรม ๓ บางแห่งแสดง ๔ บางแห่ง ๗ บางแห่ง ๘ บางแห่ง ๑๐

เป็นต้น




พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 129



บทว่า สทฺธมฺมฏฐิติยา ความว่า สัทธรรมมี ๓ อย่าง คือ ปริ-

ยัตติสัทธรรม ปฏิปัตติสัทธรรม อธิคมสัทธรรม. บรรดาสัทธรรม ๓

อย่างนั้น พุทธวจนะแม้ทั้งสิ้น ชื่อว่า ปริยัตติสัทธรรม สัทธรรมนี้คือ

ธุองค์คุณ ๑๓ จาริตศีล วาริตศีล สมาธิ วิปัสสนา ชื่อว่า ปฏิปัตติ-

สัทธรรม. โลกุตรธรรม ๙ ชื่อว่า อธิคมสัทธรรม. สัทธรรมนั้นแม้

ทั้งหมด เพราะเหตุที่เมื่อมีบัญญัติสิกขาบท ภิกษุทั้งหลายย่อมเรียนสิกขาบท

วิภังค์แห่งสิกขาบทนั้น และพระพุทธวจนะอื่น เพื่อส่องความสิกขาบท

และวิภังค์นั้น และเมื่อปฏิบัติสิกขาบทตามที่ทรงบัญญัติ บำเพ็ญข้อปฏิบัติ

ย่อมบรรลุโลกุตรธรรมพี่พึงบรรลุด้วยข้อปฏิบัติ ฉะนั้น พระสัทธรรมจึง



พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 229

[๓๓๐] สัทธรรม ๗

ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้

๑. เป็นผู้มีศรัทธา ๒. เป็นผู้มีหิริ

๓. เป็นผู้มีโอตตัปปะ ๔. เป็นผู้มีพหูสูต

๕. เป็นผู้ปรารภความเพียร ๖. เป็นผู้มีสติมั่นคง

๗. เป็นผู้มีปัญญา.

๔.ทุติยโกธสูตร ว่าด้วยอสัทธรรม ๔

[๔๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัทธรรม ๔ ประเภทนี้ อสัทธรรม

๔ ประเภทคืออะไร คือ ความเป็นผู้หนักในความโกรธ ไม่หนักในพระ-

สัทธรรม ๑ ความเป็นผู้หนักในความลบหลู่ท่าน ไม่หนักในพระสัทธรรม ๑

ความเป็นผู้หนักในลาภ ไม่หนักในพระสัทธรรม ๑ ความเป็นผู้หนักในสักการะ

ไม่หนักในพระสัทธรรม ๑ นี้แล อสัทธรรม ๔ ประเภท

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสัทธรรม ๔ ประเภทนี้ พระสัทธรรม ๔

ประเภทคืออะไร คือ ความเป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในความ

โกรธ ๑ ความเป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในความลบหลู่ท่าน ๑

ความเป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในลาภ ๑ ความเป็นผู้หนักใน

พระสัทธรรม ไม่หนักในสักการะ ๑. นี้แล



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท

เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 358



" ภิกษุมีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม

ใคร่ครวญอยู่ซึ่งธรรม ระลึกถึงธรรมอยู่ ย่อมไม่เสื่อม

จากพระสัทธรรม."

บทว่า สทฺธมฺมา ความว่า ภิกษุเห็นปานนั้น ย่อมไม่เสื่อมจาก

โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประเภท และจากโลกุตรธรรม ๙



พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 740

[พระสัทธรรม ๓ อย่าง]

ข้อว่า สทฺธมฺมฏฺฐิติยา มีความว่า สัทธรรมมี ๓ อย่าง คือ ปริยัติ-

สัทธรรม ๑ ปฏิปัตติสัทธรรม ๑ อธิคมสัทธรรม ๑. บรรดาสัทธรรม ๓

อย่างนั้น ที่ชื่อว่าปริยัติสัทธรรม ได้แก่ พุทธพจน์แม้ทั้งสิ้นรวมด้วยพระไตร-

ปิฎก. ที่ชื่อว่าปฏิปัตติสัทธรรม ได้แก่ธรรมนี้คือธุดงคคุณ ๑๓ ขันธกวัตร ๑๔

มหาวัตร ๘๒ ศีล สมาธิ และวิปัสสนา. ที่ชื่อว่าอธิคมสัทธรรม ได้แก่ธรรมนี้

คือ อริยมรรค ๔ สามัญผล ๔ นิพพาน ๑. เมื่อมีสิกขาบทบัญญัติ ภิกษุ

ทั้งหลาย ย่อมเรียนสิกขาบทและวิภังค์แห่งสิกขาบทนั้น และพุทธวจนะอื่น

เพื่อส่องความแห่งสิกขาบทและวิภังค์นั้น และเมื่อปฏิบัติสิกขาตามที่ทรง

บัญญัติไว้ ย่อมบรรลุโลกุตรธรรม ที่ตนจะพึงบำเพ็ญข้อปฏิบัติแล้วบรรลุได้

ด้วยความปฏิบัติ, เพราะเหตุนั้น สัทธรรมแม้ทั้งสิ้นนั้น จึงชื่อว่า เป็นสภาพ

มีความตั้งอยู่ ยั่งยืน ด้วยสิกขาบทบัญญัติ. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า

จึงตรัสว่า สทฺธมฺมฏฺฐิติยา.






เอาบุญมาฝากได้ไปปฏิบัติธรรมมา 3 วันมีคนไปปฏิบัติ 200 กว่าคน ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ได้ถวายสังฆทาน เดินจงกรม นั่งสมาธิ อย่างน้อย วันละ 12 ชั่วโมง ให้ธรรมะเป็นทาน สวดมนต์ ฟังธรรม ทำบุญค่านำค่าไฟ และได้ทานอาหารมังสาวิรัส ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ตอบกระทู้