Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

กับดัก

พฤหัสฯ. 16 ต.ค. 2008 2:42 pm

trap2.jpg
trap2.jpg (71.73 KiB) เปิดดู 1091 ครั้ง

กับดัก (ตอนที่ ๑)
นับเป็นเมตตาอย่างใหญ่หลวงที่หลวงปู่ดู่ได้สั่งสอนและชี้แนะให้ลูกศิษย์ของท่านได้ตระหนักถึงกับดักบนหนทางของการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่า “คนดีน่ะ เขาไม่ตีใคร” “อย่าให้เลยพระพุทธเจ้า” ฯลฯ

ใครจะคิดบ้างเล่าว่า แม้จะเข้ามาในหนทางแห่งการสร้างสมความดีงาม ก็ยังมีสิ่งที่เป็นกับดักรออยู่อย่างมากมาย และเป็นสิ่งที่แก้ได้ยากเสียด้วย ดังคำพูดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตที่ว่า “ติดดีน่ะ แก้ยากกว่าติดชั่ว” เพราะคนที่ถือว่าตนเป็นนักปฏิบัติ หรือเป็นครูเป็นอาจารย์ เป็นคนเข้าวัดเข้าวา เป็นคนถือศีลกินเจ เป็นคนปฏิบัติสมาธิภาวนา หากเผลอตัวให้กิเลสความหลงตัวหลงตนเข้าครอบงำจนสำคัญว่าตนวิเศษวิโสกว่าคนอื่น ทำตัวเป็นชาล้นถ้วยแล้ว นอกจากจะเป็นตัวปิดกั้นความดีไม่ให้งอกงาม ก็ยังทำจิตใจเสื่อมลง ๆ เที่ยวกล่าวตีคนโน้นคนนี้ ยิ่งกว่าการกล่าวสอนเตือนตนเอง เข้าลักษณะที่บัณทิตทั้งหลายกล่าวไว้ว่า "คนรู้ธรรมชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนมีธรรมชอบเอาชนะตนเอง"

กับดัก (ตอนที่ ๒)
ที่เลยเถิดไปกว่านั้นก็เข้าทำนองเลยพระพุทธเจ้า คือเก่งกว่าพระพุทธเจ้า เป็นต้นว่าคิดค้นและประกาศสอนแนวทางการปฏิบัติธรรมของตนเองว่าเป็นทางลัดตรง

หากเราพิจารณาคำเตือนของหลวงปู่ดู่ที่ว่าอย่าให้เลยพระพุทธเจ้า ก็จะเป็นเครื่องเตือนใจว่าจงอย่าอวดดี อย่าบัญญัติสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติ หากพิจารณาให้ดี ในสามโลกนี้จะหาใครที่มีความบริสุทธิ์ อีกทั้งเปี่ยมด้วยพระกรุณาและปัญญาเท่ากับพระพุทธองค์นั้นไม่มี ดังนั้น หากมีทางลัดกว่านี้ มีหรือที่พระพุทธองค์จะไม่ทรงบอกทรงสอน พระพุทธองค์ทรงสละชีวิตมานับภพนับชาติไม่ถ้วนก็เพื่อค้นหาหนทางหลุดพ้น คือ มรรคมีองค์ ๘ หรือ ศีล สมาธิ และปัญญา นี้มาประกาศสอนแก่สัตว์โลกทั้งหลาย แล้วผู้ที่ประกาศทางลัดเหล่านั้นเล่า จะมีปัญญาเหนือพระองค์เชียวหรือ

แม้หลวงปู่ดู่ก็ยังยืนยันหนักแน่นหลายครั้งว่าท่านมิได้บัญญัติคำสอนแปลกใหม่อันใด ไม่มีคำว่าแบบปฏิบัติของวัดสะแก (นั่นเป็นแค่ชื่อเรียกที่คนอื่นเรียกกันเอง) เพราะมีแต่แนวทางหรือแบบปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อันได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ หรือบางแห่งอาจนำมรรคข้อที่ว่าด้วยสัมมาสติ มามุ่งเน้นเป็นพิเศษดังที่เรียกว่าสติปัฏฐาน ๔ คือ การมีสติระลึกในกาย เวทนา จิต และธรรม แต่รากฐานหรือหลักการที่สำคัญที่ทิ้งไม่ได้ก็คือ มรรคสมังคี ได้แก่ความพร้อมบริบูรณ์แห่งศีล สมาธิ และปัญญา มิใช่จะเอาแต่ในแง่ศีล หรือสมาธิ หรือปัญญา เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วละเลยมรรคตัวอื่น ๆ สมาธิที่ไม่อยู่บนฐานของศีล หรือไม่มีปัญญาเป็นที่หมาย หรือไม่มีภาวะแห่งความรู้ ตื่น เบิกบาน ก็ไม่อาจเรียกว่าสัมมาสมาธิได้ ปัญญาที่ขาดสมาธิก็เหมือนเอาใบมีดเล็ก ๆ ไปโค่นต้นไม้ใหญ่ ย่อมเสียแรงเปล่า หรือจะเอาแต่แก่นธรรมแล้วละเลยวินัยหรือศีลก็เหมือนแก่นไม้ที่ปราศจากเปลือกและกระพี้ ย่อมไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน

ดังนั้น มรรคสมังคีของพระพุทธองค์จึงทรงวางเอาไว้ดีแล้ว รัดกุมแล้ว ไม่มีหนทางลัดตรงไปกว่านี้แล้ว และข้าพเจ้าก็หมดสงสัยที่เคยคะยั้นคะยอถามหลวงปู่ว่า “แบบปฏิบัติของหลวงปู่เป็นอย่างไรครับ” เพราะมันจะไม่มีวันมีได้ การที่หลวงปู่บอกสอนคำบริกรรมไตรสรณาคมน์นั้น ก็เป็นเพียงเบื้องต้นแห่งการปฏิบัติก่อนจะลาดเอียงสู่ครรลองหรือแบบปฏิบัติของพระพุทธเจ้าต่อไปเท่านั้น

การติดดี และการปฏิบัติจนเลยครูอาจารย์ เลยพระพุทธเจ้า เหล่านี้ เป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ได้ศึกษา เพราะกับดักต่าง ๆ ยังมีอีกมายมาย เช่น หลงยึดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครูบาอาจารย์หรือวัดวาอาราม หรือศิษย์ก้นกุฏิ หลงติดแนวทางที่ตนถนัดว่าเป็นหนทางสายเอกหรือสายเดียว หลงยึดติดว่าตนเป็นผู้ไม่ยึดติด ฯลฯ

คุณธรรมที่สำคัญที่ช่วยให้เราผ่านพ้นกับดักไปได้ ก็คือปฏิปทาที่ว่า ปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อเอา หรือเพื่อได้ เพื่อเป็นอะไรทั้งนั้น รวมทั้งควรเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เนืองนิตย์ ประกอบกับยึดถือธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก หากคำสอนใดแม้เป็นของครูอาจารย์ที่นับถือขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องยึดคำสอนของพระพุทธองค์เป็นหลัก หมั่นเข้าหากัลยณมิตรผู้มีปรกติมีปฏิปทาในทางห่างโลภ โกรธ หลง และสุดท้ายไม่ลืมคำสอนคำเตือนของหลวงปู่ที่ว่า “อย่าให้เลยพระพุทธเจ้า”

Re: กับดัก

พฤหัสฯ. 16 ต.ค. 2008 5:31 pm

อ่านกี่ทีก็โดนครับ กับธรรมะขององค์หลวงปู่ดู่ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ ของกระผม...

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา 1 ครั้งด้วยครับ :mrgreen:

Re: กับดัก

พุธ 05 พ.ย. 2008 8:04 pm

โดนใจ จริงๆครับ ขอบคุณครับ
ตอบกระทู้