“พระพุทธศาสนาสอนให้เรายอมรับความจริง ทุกด้านของชีวิต ในเรื่องความเสื่อมของสังขาร เตือนเราไม่ให้ประมาทในการมีชีวิตอยู่ และให้เร่งรัด ทำบุญกุศล วัยชราเป็นวัยของการเตรียมตัวตาย ให้มากขึ้น เพราะเวลาเหลือน้อยลงทุกวัน การเตรียมตัวตายที่เหมาะสม คือฝึกจิตให้มีสติทุกวินาที”
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ความทุกข์ เป็นสิ่งที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าร่ำรวย หรือยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องพบกับ ความไม่สมหวัง รวมทั้งความพลัดพรากสูญเสีย
ดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างไร ก็ยังต้องเจ็บป่วย ตั้งใจทำงานเพียงใด ก็ยังเจอความล้มเหลว ระมัดระวังเพียงใด ก็ยังต้องเสียทรัพย์
แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไร ใจเราก็ยังสามารถ เป็นปกติ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะความสุขนั้น แท้ที่จริงอยู่ที่ใจ
ป่วยกาย แต่ใจไม่ป่วย เสียทรัพย์ แต่ใจไม่เสีย เป็นสิ่งที่เราทำได้ หาเกินความสามารถของเราไม่ ไม่ว่าเจออะไร ย่ำแย่แค่ไหน ก็ยังมีความสุข ให้เราได้สัมผัส หรือพบได้ แม้ในท่ามกลางความทุกข์ ดังมีพุทธภาษิตว่า
“ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ”
ความสุขอย่างหนึ่ง ที่เราพบได้ในทุกหนแห่ง ก็คือ ความสุขที่ใจ ขอเพียงแต่เรารู้จักรักษาใจ หรือหันกลับมาดูแลใจ รวมทั้งคิดให้ถูก มองให้เป็น ก็พบความสุขได้ไม่ยาก
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
ผู้ใดให้ทาน ผู้นั้นย่อมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ ผู้ใดรักษาศีล ผู้นั้นย่อมรูปงามผ่องใส ผู้ใดภาวนา ผู้นั้นย่อมมีปัญญาพาตนพ้นทุกข์
#หลวงปู่ศิลา_สิริจันโท
"..คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็เข้าไม่ถึงใจ จึงกลายเป็นว่าคนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ แม้คนจะมีจำนวนมากและแสดงให้ฟังทั้งพระไตรปิฎก จึงเป็นเหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ ธรรมจึงไม่มีความหมายในใจของคน เหมือนน้ำไม่มีความหมายบนหลังหมาฉะนั้น.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
“บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์ มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมา ประมาท ปล่อยกาย ปล่อยใจ ให้ประพฤติ ทุจริต ผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลา ที่สายไปแล้ว” ... หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
"..ปากก็บอก จะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระ โลภ โกรธ หลง ให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัย การปฏิบัติ ซึ่งจุดสำคัญคือการ ละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้ มันจะถึงแค่หัวตะพาน ..."
โอวาทธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
ไม่มีใครจะรักเราและพึ่งเป็นพึ่งตาย กันได้ ยิ่งกว่าคนในชาติจะพึ่งกัน
แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ความเกี่ยวโยงกันนั้น บ่งบอกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า เรา คือชาติไทยด้วยกัน ทั้งเด็กผู้ใหญ่ ทั้งหญิงและชาย เฒ่าแก่ปานกลาง รวมสมบัติทั้งประเทศ เป็นของคนไทยทั้งชาติ
จึงกรุณารักเนื้อหนังอวัยวะ คือชาติของตนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ความรักกันความสามัคคีกันเท่านั้น ที่จะเป็นพลังรักษาชาติ ให้มั่นคงจีรังถาวรสืบไปตลอดกาล อย่าหลงกลหลอกลวงต่างๆ ยิ่งกว่าความรักชาติ รักความสามัคคีในชาติของตน นี่เป็นหลักประกัน ความอยู่รอดของชาติเรา"
- หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
บุญทํามากเท่าไร ก็เรียกว่า “สะสมบุญ” บุญเหล่านี้แหละ เมื่อทำมากเข้าๆ มันก็ กลายเป็นวาสนา เมื่อวาสนามากเข้าๆ เขาก็เรียกว่าเป็น “บารมี” ขอให้ทุกท่านร่ำรวยเงินทอง ร่ำรวยบุญกุศล มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง สาธุ
หลวงปู่ศิลา
"..พระพุทธเจ้าจึงยังมีอยู่ ยังเมตตากรุณาสัตว์ทั้งหลาย ยังช่วยมนุษย์สัตว์ทั้งหลายอยู่ ถ้ามนุษย์ผู้ใดมีความประพฤติปฏิบัติดี จงรักภักดี พระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ผู้นั้นก็จะมีคุณงามความดีอยู่ตลอดทุกวันฉะนั้น ถ้าเรามีปัญญา ก็จะเห็นได้ว่า เราไม่ได้อยู่ห่างพระพุทธเจ้าเลย เดี๋ยวนี้เราก็ยังนั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าเราเข้าใจธรรมะเมื่อใด เราก็เห็นพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น ผู้ใดที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน อยู่ ณ ที่ใด ผู้นั้นย่อมได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา.."
โอวาทธรรมคำสอน พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"...บุคคลใด ปฏิบัติชอบแล้ว บุคคลนั้น ย่อมพิจารณา ความเป็นไปแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมเห็นความเกิด ความแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย ในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ...
ย่อมไม่เห็นความสุข ความยินดีน้อยหนึ่ง ในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ไม่เห็นซึ่งอะไรๆในเบื้องต้น ท่ามกลาง หรือที่สุดในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งจะเข้าถึงความเป็นของไม่ควรถือเอา..."
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
“สักกายทิฏฐิ” หมายถึง ความยึดถือว่า กายกับใจนี้เป็นของตน เมื่อมีความรู้สึกคิดเช่นนั้นแล้ว เขาก็หวงแหน อยากให้มันดีให้มันเที่ยงแท้ถาวร เพื่อประโยชน์แก่ “ตัวเขา” . โดยธรรมชาติที่แท้นั้น มันไม่มีอะไรที่จะเป็นของเขาได้เลย แต่ความหลงผิด ทำให้เขาเข้าใจว่ามันมีอะไรๆเป็นของเขาจนได้ โดยเหตุนี้ สิ่งที่เป็นเพียงธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ที่รวมกลุ่มกันอยู่ ก็ถูกยึดถือเป็นกายและใจ“ของเขา” มันจึงมีลักษณะเป็นความเห็นแก่ตัว แล้วก็ทำอะไรๆ ไปในลักษณะที่เป็นความทุกข์ยากลำบากแก่ตัวเองและแก่ผู้อื่น . ปัญญาอย่างโลกๆก็ส่งเสริม “ตัวตน-ของตน” ให้หนักยิ่งขึ้น ต่อเมื่อได้รับการศึกษาอบรมที่ถูกทาง หรือปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักแห่งพุทธศาสนา เขาจึงจะไม่อาจมี“ตัวตน-ของตน” ชนิดที่จะไปฆ่า ไปลัก หรือเบียดเบียนผู้อื่น และ จะเริ่มนึกถึงการที่กายทุกกายหรือธาตุทุกกลุ่มเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายอย่างเดียวกัน จึงลดความหมายมั่นปั้นมือที่จะเอาประโยชน์จากผู้อื่นมาเป็นของตนเองล้วนๆ ดังแต่ก่อน . ความลดไปแห่งสักกายทิฏฐินี้ ทำให้เกิดความสงบเย็น ความสงบเย็นทำให้เกิดสติสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะก็ทำความปลอดภัยให้แก่ตนเองและผู้อื่น ถ้าเพียงแต่คนเราสามารถละ“สักกายทิฏฐิ”นี้ได้เท่านั้น โลกนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างน้อยที่สุด การเบียดเบียนกันจะหายไปจากโลก มีแต่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันอย่างแท้จริง เข้ามาแทน” . พุทธทาสภิกขุ ที่มา : จากธรรมบรรยาย หัวข้อเรื่อง “วิธีลดอัตตา”
|