พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พฤหัสฯ. 07 ส.ค. 2025 5:54 am
" ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ไปหมดแล้ว ทั้งพระทั้งฆราวาส ไปสำนักโน้นวิ่งเข้าสำนักนี้ออกสำนักนั้น เต็มไปด้วยความสรวลเสเฮฮา อึกทึกครึกโครม แล้วก็มาปลื้มปิติกัน ว่าฉันได้ทำบุญ จิตใจฉันเต็มไปด้วยบุญ อ้างแต่บุญ บุญ บุญ
ให้คิดดูดีดี ว่าบุญหรือความอยากที่เป็นกิเลสเต็มเปี่ยมจนล้นหัวใจจนแสดงออกหน้าออกตา
ภาวนามยปัญญา เป็นภาวนาเพื่อละ มันเกิดขึ้นบ้างไหม มีแต่สิ่งที่เป็นปัญญาทางโลกปัญญาหาเข้าตนทั้งนั้น กิเลสทั้งนั้นที่มันมาครอบงำ ให้พวกเราคิดดูนะ..."
#พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
“การทำบุญในพระศาสนาน่ะ
มีหลายแบบ มีหลายระดับ
ระดับทาน ระดับศีล ระดับภาวนา
คนใจยังไม่สูง ก็มัววุ่นอยู่กับทานอย่างเดียว
คนใจสูงมาอีกหน่อย ก็ทำบุญเรื่องศีล
เมื่อใจถึงระดับสูงแล้ว เขาจะทำบุญด้วยการภาวนา”
หลวงปู่หา สุภโร
บำบัดขยะสมอง
พุทธศาสนาเป็นวิชาดับทุกข์ หากเราเข้าถึง
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ เป็นผู้ที่เชื่อ
ไว้ใจ ใช้คำว่า “ไว้ใจ” ดีกว่า
ไว้ใจในมหาปัญญาธิคุณ มหากรุณาธิคุณ
ของพระพุทธเจ้าว่า มนุษย์มีศักยภาพ
ดับทุกข์ได้ด้วยอริยมรรคมีองค์แปด
เชื่อในการกระทำของตน กฎแห่งกรรม
คือกฎธรรมชาติ กฎตายตัวของธรรมชาติ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เป็นเช่นนั้นเอง
พุทธศาสนาก็ยืนยันว่า คุณค่าของชีวิตคน
ไม่ได้อยู่ที่ความร่ำความรวย ไม่ได้อยู่ที่ฐานะ
ในสังคม ไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สมบัติเงินทอง
ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียง แต่อยู่ที่คุณภาพของ
การกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ แค่นี้
แต่ก็แทบจะไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องนี้ในสมัยนี้
แทนที่จะเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดในพุทธ
ศาสนาข้อหนึ่งว่า เรานับถือ เราเป็นผู้เข้าถึง
ศาสนา ที่ให้ความสำคัญกับการกระทำ
ของคน ไม่ให้ความสำคัญจนเกินไปกับเรื่อง
ทรัพย์สมบัติเงินทอง เรื่องชื่อเรื่องเสียง
สิ่งเหล่านี้เป็นโลกธรรม ผู้เป็นฆราวาส
ผู้ครองเรือน ก็สนใจอยู่บ้าง แต่ไม่สนใจ
จนท่วมหัว ไม่สนใจจนลืมกฎแห่งกรรม
ลืมความเป็นจริงของกายของใจของชีวิต
แต่เพราะเราไม่ได้คุยในเรื่องหลักการของ
พุทธศาสนา values ของพุทธศาสนา
ที่สำคัญ ๆ ไม่ได้ยกขึ้นมาพูดมาคุยในเรื่องนี้
ความเข้าใจในพุทธศาสนาของเราในสมัยนี้
จึงพร่ามัวมาก จะเขวไป จะเพี้ยนไป ก็ไม่มี
ใครรู้ เพราะไม่รู้ว่าจุดไหนที่ควรจะรักษาไว้
หากเราไม่รู้ว่า เราควรจะอยู่ตรงไหน
จะไปทางไหน มันห่างจากที่เราควรจะอยู่
มากน้อยแค่ไหน เราก็บอกไม่ได้ เพราะเรา
ไม่รู้ว่าจุดที่ควรจะอยู่ อยู่ตรงไหน นี่คือ
ที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้ ...
พระพรหมพัชรญาณมุนี
พระอาจารย์ชยสาโร
บ้านบุญ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๗
"..เราจะไปเกิดในที่ดีมันยากแล้ว บุญมันบ่ถึงเขา เราต้องทำเอา เกิดเป็นมนุษย์เป็นสัตว์อันสูงสุด ก็เป็นเพราะ ปุพเพกะตะปุญญะตา บุญหนหลังมาติดตามตนให้เกิดเป็นผู้สมบูรณ์บริบูรณ์ ครั้นเป็นผู้สมบูรณ์แล้วก็ อัตตะสัมมาปะณิธิ ให้ตั้งตนอยู่ในที่ชอบ อย่าไปตั้งตนอยู่ในที่ชั่ว รักษาศีล ให้ทาน หัดทำสมาธิอย่าให้ขาด ศีลห้ารักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ศีลแปดให้รักษา ให้พากันภาวนาอยู่ สมาธิมันไม่มีที่อื่น ให้นั่งภาวนา พทโธ ๆ ไม่ต้องร้องให้มันแรงดอก ให้มันอยู่ในใจซื่อ ๆ ดอก การภาวนาก็เป็นอริยทรัพย์ภายใน มันจะติดตามไปทุกภพทุกชาติ ติดไปสวรรค์ ลงมามนุษย์ มาตกอยู่ในที่มั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ยากไม่จน ทรัพย์อันนี้ติดตามไป บ่มีสูญหายดอก ตามไปจนสิ้นภพสิ้นชาติ.."
อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
#ธรรมชาติของจิตนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เข้าใจได้ยาก เพราะจิตไม่มีรูปร่าง แต่ชอบท่องเที่ยวไปไกล ดังพระพุทธพจน์ที่กล่าวถึงจิต ไว้ว่า
ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คูหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา
จิตท่องเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง อาศัยอยู่ในร่างกายนี้
ใครควบคุมจิตนี้ได้ ย่อมพ้นจากบ่วงมาร ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ยากในการอธิบายถึงจิต ซึ่งปราศจากรูปร่างหน้าตา หลวงปู่ดูลย์ท่านได้กรุณาอธิบายถึงจิตไว้อย่างละเอียดลออว่า
“มันไม่ใช่เป็นของมีสีเขียว หรือสีเหลือง และ ไม่มีทั้งรูป ไม่มีทั้งการปรากฏ ไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่งที่มีการตั้งอยู่ และ ไม่มีการตั้งอยู่ ไม่อาจจะลงความเห็นว่า เป็นของใหม่หรือของเก่า ไม่ใช่ของยาวหรือของสั้น ของใหญ่หรือของเล็ก”
“จิตของเรานั้น ถ้าเราทำความสงบเงียบอยู่จริงๆ เว้นขาดจากการคิดนึก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้แต่น้อยที่สุดเสียให้ได้จริงๆ ตัวแท้ของมันจะปรากฏออกมาเป็นความว่าง แล้วเราจะได้พบว่า มันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป มันไม่ได้กินเนื้อที่อะไรๆ ที่ไหนแม้แต่จุดเดียว มันไม่ได้ตกลงสู่การบัญญัติว่า เป็นพวกที่มีความเป็นอยู่ หรือไม่มีความเป็นอยู่ แม้แต่ประการใดเลย เพราะเหตุที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ”
“หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิต นั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว มันก็ไม่ใช่จิต จิต นั้นโดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ "จิต" แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่ "มิใช่จิต" การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั้นแหละ ย่อมหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ได้ถูกเพิกถอนโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียง จิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งแล้ว มิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้น และไม่อาจถูกทำลายได้เลย”
#หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.