"..พระพุทธเจ้าให้นั่งพิจารณาดู และให้เข้าวัดทุกวัน จะนั่งอยู่ก็ดี จะนอนอยู่ก็ดี กราบที่พึ่งของเราเสียก่อน คือกราบครั้งที่หนึ่ง "พุทโธ" นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา กราบครั้งที่สอง "ธัมโม" นึกถึงพระธรรมเป็นที่พึ่งของเรา กราบครั้งที่สาม "สังโฆ" นึกถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเรา เข้าวัดพักนี้แหละ เอาใจของเรานึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ สามหนแล้วมารวมว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ คำเดียว รักษากาย หลับตา งับปาก ลิ้นก็ไม่กระดุกกระดิก ระลึกพุทโธไว้ในใจนี่แหละ เข้าวัดกันตรงนี้ ให้เข้าวัด วัดอยู่ที่ตรงนี้ จะได้รู้จะได้เห็นความสุข มิใช่อื่นสุข นอกจากใจเราสงบแล้ว ไม่มีอื่นสุข.."
โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)
"..ภาวนาไม่ควรดิ้นรน ทะเยอทะยานอยาก ในสิ่งที่ตนยังไม่ได้ ไม่เห็น ควรทำไปเรื่อยๆ เฉยๆ ถ้าอยากเห็นอยากเป็น ย่อมไม่เห็นไม่เป็นเสียอีก เวลาจะเห็นจะเป็น มันเห็นมันเป็นของมันเองต่าง หาก พ้นจากอดีต อนาคตแล้ว จะเป็นจะเห็น.."
ที่มา หนังสือ บันทึกธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
"..ชีวิตนี้เป็นประดุจผ้าขี้ริ้ว เป็นเหมือนถังขยะที่คอยเก็บอานิสงส์ของกรรมดีชั่ว แล้วก็ได้ผลแก่เราเป็นผู้เสวย ถ้าเรานำชีวิตที่เราพิจารณาเห็นด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว น้อมพิจารณาให้เกิดธรรมะขึ้นภายในใจ ธรรมที่เกิดขึ้นภายในใจนั่นแหละจะเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทองขึ้นมาทันที เพราะร่างกายของคนนี้ไม่มีค่า มันมีค่าอยู่ที่หัวใจที่มีธรรม รูปธรรมทุก ๆ อย่างจึงเป็นผ้าขี้ริ้ว นามธรรมคือหัวใจ ที่ฝึกปฏิบัติจนได้เห็นธรรมตามความสามารถ นั่นแหละเป็นทอง คือธรรมสมบัติอันล้นค่า ปรากฏเด่นขึ้นมาเป็นสักขีพยาน.."
โอวาทธรรมคำสอน พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท) วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี (พ.ศ.๒๔๕๙-๒๕๔๗)
|