พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ศุกร์ 08 มี.ค. 2024 12:41 pm
…ใจต้องพึ่งพาอาศัยธรรม
ถ้าใจมีธรรมแล้ว
ใจจะเย็น ใจจะสุข ใจจะอิ่ม
.ถ้าขาดธรรม มีแต่กิเลสรุมเร้า
มีแต่ความโลภโมโทสัน
ใจก็จะมีแต่ความรุ่มร้อนวุ่นวายใจ
.เพราะอยากได้เงินได้ทอง
ได้ตำแหน่งสูงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่
ไม่มีประโยชน์กับจิตใจเลย
.เวลาใจรุ่มร้อน
จะมีเงินทองมากมายเพียงไร
ก็ไม่สามารถดับมันได้
.จะมีตำแหน่งสูงขนาดไหนก็ตาม
เป็นพระมหากษัตริย์
เป็นประธานาธิบดี เป็นนายกรัฐมนตรี
“ก็ไม่สามารถหนีพ้นจาก
ความทุกข์ ความวุ่นวายใจไปได้”.
…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๓ กัณฑ์ที่ ๒๓๒
วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๙
คีย์เวิร์ดคืออ่านจิตตนเอง
"หลวงพ่อไปเรียนกับหลวงปู่ดูลย์
คีย์เวิร์ดที่ท่านสอนให้ครั้งแรกก็คือ “อ่านจิตตนเอง”
ตัวนี้คือตัวคีย์เวิร์ด แต่มี intro นิดหน่อย
ท่านบอกว่า “การปฏิบัตินั้นไม่ยาก ยากเฉพาะผู้ไม่ปฏิบัติ”
อันนี้เป็นการปลุกเร้า ให้กำลังใจ
“อ่านหนังสือมามากแล้ว” นี่เป็นการเท้าความ
“ต่อไปนี้อ่านจิตตนเอง” นี่คือคำสอนที่ให้ปฏิบัติจริงๆ
ฉะนั้นที่หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ดูลย์ก็คือคำว่า “อ่านจิตตนเอง” นั่นล่ะ
เราก็มานั่งอ่านทุกวัน อ่านอย่างไร อ่านอย่างที่เล่าให้ฟังนี่ล่ะ
อ่านทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ อ่านไปเรื่อยๆ
มีเวลาเมื่อไรก็อ่านไป ใช้เวลาไม่นานมันก็เกิดปัญญา
เห็นจิตสุขเกิดแล้วดับ จิตทุกข์เกิดแล้วดับ
จิตอะไรๆ มันก็เกิดแล้วก็ดับหมด
ไม่มีสิ่งที่เป็นตัวเป็นตนอะไรหรอก
ค่อยฝึก ทำอย่างนี้แล้วจะได้ประโยชน์ สมกับที่เราเป็นชาวพุทธที่แท้จริง
วันนี้ทำไมเทศน์เร็ว เทศน์สั้นๆ แต่ว่าเอาไปทำให้ได้
หลวงปู่ดูลย์สอนหลวงพ่อสั้นกว่านี้อีก
สอนประโยคเดียว “อ่านจิตตนเอง”
นี่สอนวิธีอ่านจิตตนเองละเอียดละออแล้ว ไปอ่านเอา
ทำได้ก็ได้แก่น ทำไม่ได้ก็ไม่ได้แก่น
ไม่ได้แก่นสารสาระ ใจเราก็เวียนว่ายไปอีกนานแสนนาน
ทุกข์แล้วทุกข์อีก ตายแล้วตายอีกไป"
หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
24 กุมภาพันธ์ 2567
*สารพัดธรรม(ทำ)
"ทำจิตให้มีอารมณ์สิ่งรู้...สติให้มีสิ่งระลึก"
"ถ้านักปฏิบัติท่านใดปฏิบัติแล้วมัวแต่ไปนับขั้นสมาธิ ขั้นญาณ ขั้นฌาน สิ่งรู้สิ่งเห็นทั้งหลาย ก็ไปติดอยู่กับที่ตรงนั้น
เพราะฉะนั้น จะเป็นความรู้ที่เรียกว่า ปัญญาในสมาธิ ก็ตาม เป็น นิมิต ที่เกิดขึ้นก็ตาม ท่านให้กำหนดหมายเพียงแค่เป็นอารมณ์จิตเท่านั้น จะไปยึดเอาสิ่งนั้นเป็นของดีของวิเศษไม่ได้
การบำเพ็ญสมาธิจิตเพื่อให้เกิดสมาธิ สติ ปัญญา มีหลักที่ควรยึดถือว่า 'ทำจิตให้มีอารมณ์สิ่งรู้ สติให้มีสิ่งระลึก' จิตนึกรู้สิ่งใดให้มีสติสำทับเข้าไปที่ตรงนั้น
ขอให้ถือคติว่า สมาธิหรือการปฏิบัติธรรมอันใด ถ้าหากมันเป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส เป็นไปเพื่ออิทธิฤทธิ์...
พึงเข้าใจเถิดว่ามันเป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งออกนอกหลักพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
คติธรรมคำสอน
มีคนไม่น้อย...ที่เกิดมา แต่ทำชีวิตให้มีคุณค่าเทียบเท่ากับ“ไก่ตัวหนึ่ง”เท่านั้น
“บางคนเกิดมา..มีชีวิตเหมือนไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น ไก่เกิดมาโตขึ้นมีลูก พาลูกๆคุ้ยเขี่ยหากินไปตามเรื่องราว ตกเย็นนอน เช้ามาก็กระโจนลงดินร้องกุ๊กๆ ออกหากินไป ตอนเย็นก็กลับมานอนอีก วันๆ หนึ่งทำอยู่อย่างนี้
ถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตแบบนี้ ชีวิตจะมีประโยชน์อะไรไหม? ไม่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับสัตว์ที่ไม่มีปัญญาเท่านั้นเอง
คนเลี้ยงไก่ เขาจับมันยกขึ้นดูทุกวันๆ เอาอาหารให้กินเรื่อยๆ ไก่ก็นึกว่าเขารักเรา แต่เจ้าของเขาคิดว่านี่มันหนักเท่าไหร่แล้ว? พอจะเอาไปขายได้หรือยัง? เจ้าไก่ไม่รู้เรื่อง พอ 2-3 เดือนต่อมา เอาแล้ว...เขาเอาไปตลาดแล้ว
คนเราอยู่กันทุกวันนี้ก็คล้ายๆ อย่างนั้น ไม่ค่อยได้นึกถึงอันตรายชีวิต เพราะมัวแต่หลงไม่รู้เรื่องชีวิตตัวเอง จึงเหมือนกับไก่ในเข่งที่เขากำลังเอาไปขาย เขายกขึ้นรถก็ยังขันโอ๊กๆสนุกสนาน ไปถึงที่แล้วเขาจับถอนขน ก็นึกว่าเขาทำความสะอาดให้ มันโง่ขนาดนั้น พอมีดเชือดเข้าไป โอ้!...มันตายนี่นะ ไม่เห็นชีวิตตัวเองไม่รู้จักแก้ไข จึงตายไปโดยไม่มีประโยชน์
เราทุกคนก็เหมือนกัน ไม่รู้จักพอ ดิ้นรนไปทุกสิ่งทุกอย่าง ดิ้นรนในการทำมาหากิน หาชื่อเสียงเกียรติยศ แต่หาในทางที่ชอบก็ยังดีนะ บางคนดิ้นรนไปอิจฉาพยาบาทเขา มันไม่ค่อยดี
คนขาดการฟังธรรมก็เป็นอย่างนั้น มันโง่ไปเรื่อยแหละ เราอิจฉาคนอื่นอยู่ ก็หาว่าเขาอิจฉาเรา คนพวกนี้ไม่ค่อยรู้จักตนเอง...เป็นคนใช้ไม่ได้ เพราะขาดธรรมะ ไม่สนใจธรรมะ”
#หลวงพ่อชา_สุภัทโท
เมื่อทำบุญ
เสร็จไปแล้ว
ให้พวกเรา
ตั้งจิตอธิฐานนะ
สาธุเน้อ ผู้ข้า
เกิดมา ภพใดชาติใด
คำว่าลำบาก
อย่าได้มี
ให้มีแต่ความเจริญ
รุ่งเรืองในศีลในธรรม
อย่าได้พบ..คนพาล
อย่าได้พบ สิ่งที่มันไม่ดี
คติธรรม - หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
..ขออำนวยอวยพรให้ศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย ที่มีความตั้งจิตตั้งใจ มีชีวิตอยู่ ไม่ให้ชีวิตของเราร่วงโรยเสียหายไปจากคุณงามความดี จึงให้กอบโกยปฎิบัติฝึกหัดอบรมตนเอง ให้ตั้งอยู่ในคุณงามความดี ผลบุญจะทำให้เรานี้ ถ้าจะยังเกิดชาติใดภพใดอยู่ ก็จะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ มีสติปัญญาดีกว่านี้ โภคทรัพย์สมบัติมีมากกว่านี้ ทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ทำดีมากกว่านี้ พูดจาปราศรัยก็พูดดีกว่าเดิม คิดอยู่ในจิตในใจก็คิดดีกว่าเดิม ผู้ที่มีความปรารถนาในคุณงามความดี ก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่าน ประสบพบเห็นแต่สิ่งที่ตนเองพึงปรารถนาทุกท่านทุกคนเทอญ..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ พวกเราเกิดมาเคยเห็นไหม ใครมีอายุหมื่นปี มีไหม ร้อยปีพันปี ร้อยปีเคยเห็นอยู่หรอกนะ แต่พันปีไม่เคยเห็น ๒๐๐ ปีก็ยากนะ
เพราะฉะนั้นทุกคนต้องถึงจุดจบสักวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านจึงให้ระลึกถึงความตายไว้อยู่เสมอ ใครก็ตามในพุทธบริษัทสี่ ถ้าระลึกถึงความตายจะไม่หลงเจ้าของ จะไม่ลืมเจ้าของ จะไม่ผยองพองตน จะรู้จักหน้าที่ควรจะปฏิบัติตนอย่างไร ในขณะนี้เวลานี้ เดี๋ยวนี้เวลาปฏิบัติตน
พระพุทธองค์จึงตรัสถามพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง แต่ละวัน พระอานนท์กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ประมาณวันละ ๑๐๐ ครั้งพระเจ้าข้า พระพุทธองค์บอกว่าอานนท์ตั้งอยู่ในความประมาท ต้องระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าทุกลมหายใจออกนั้นล่ะจึงเป็นผู้ไม่ประมาท
ทีนี้มาเปรียบเทียบกับพวกเรา พวกเราวันหนึ่งเราระลึกถึงบ้างไหม พอระลึกถึงก็ไม่อยากระลึกถึงอีกเหมือนกัน เพราะความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวน่าเกลียดน่าชังมากนะ แต่ถึงยังไงต้องระลึกไว้ดีนะ จะต้องอยู่ในความไม่ประมาท เช่น เราโมโหโกรธาหรือรักใครก็ตาม เราระลึกถึงความตายเอ๊ะต่างคน อีกสักวันหนึ่งต่างคนก็ต่างแยกย้ายนะพวกเรานะ ความโกรธมันก็คงจะลดลง ความรักมันก็จะลดลงนะ เพราะเหตุไร เพราะเราระลึกถึงความตาย
แล้วหลวงพ่อก็ย้ำอีกว่า ขะวะยะธัมมา สังขารา อัปมาเทนะ สัมปาเทถะ อันนี้เป็นคำพูด เป็นคำตรัส เป็นวาจาสุดท้ายของพระพุทธเจ้าที่ท่านจะปรินิพพานที่กุสินารา ในคืนวันเดือน ๖ เพ็ญ พุทธองค์บอกว่า พวกท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงนะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ขอให้พวกเธอทั้งหลายอย่าตั้งอยู่ในความประมาท จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
ประโยชน์ตน ก็คือให้ตั้งอกตั้งใจภาวนา ตั้งอกตั้งใจรักษาศีลปฏิบัติ อันนี้ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านก็นี้ ช่วยเหลือชุมชนสังคมเท่าที่จะทำได้ ไม่ให้ปล่อยปละละทิ้งจนเกินไป นี่แหละประโยชน์ท่าน
พวกเราก็อย่าตั้งอยู่ในความประมาท เพราะทุกคนมีจุดจบนะ และพร้อมกัน ให้ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “สังเวชนียกถางานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่แสง ญาณวโร”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๖
ไม่เห็นใครกำลังหอบลูกหิ้วหลาน หาบเงินทองกองสมบัติที่หามาแล้วนี้ไปได้สักคน รายไหนก็รายนั้น มีตั้งแต่ดินกลบหน้าและไฟเผาทิ้งทุกราย
โอวาทธรรม หลวงปู่ทูล ขิปปปัญโญ
เรื่อง ศีลบริสุทธิ์จริง ไปนิพพานได้
โอวาท : หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
..." คำสมาทานทั้งหมด ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ถือเป็นหัวใจของการปฏิบัติ เราสมาทานศีล จงตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ อย่าเป็นแต่เพียงสักแต่ว่าสมาทาน..
* และ การรักษาศีลให้บริสุทธิ์นี้ ก็ไม่ใช่เพียงเฉพาะเวลานี้ ถือว่า การสมาทานศีลครั้งแรกในชีวิต เราก็ต้องรักษาไปตลอดจน กว่าจะถึงวันตาย อย่างนี้จึงจะชื่อว่าใช้ได้ รวมทั้งพระทั้งเณร ก็เหมือนกัน..
~ การเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ย่อมเป็นปัจจัยตัดความเดือดร้อน เรามีศีลบริสุทธิ์ นึกถึงศีลเป็นปกติ พระพุทธเจ้าตรัสว่.. เป็นผู้เจริญ..
"สีลานุสสติกรรมฐาน" นี่ เป็นความดีอันหนึ่ง ที่จะทำให้เราเข้าถึง อย่างเลวก็ กามาจรสวรรค์ หรือมิฉะนั้นก็เป็น พรหม ถ้าศีลบริสุทธิ์จริง ๆ เราก็ไป พระนิพพาน ได้ เพราะมีความเข้าใจในศีล..."
( จากหนังสือ *รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน* เล่มที่ ๑๖ หน้าที่ ๑๔ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
การสร้างคุณงามความดีใครๆ ก็เห็นด้วย เทพเจ้าเหล่าเทวาภุมมรุกขเทวดาก็เห็นด้วย มนุษย์ทั้งหลายที่เห็นสมณะผู้ทรงศีลเป็นผู้มีศีลมีธรรม เขาก็อนุโมทนาสาธุกับผู้ทรงศีลผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เพราะฉะนั้นพระเณรลูกหลานศรัทธาญาติโยมทุกคนนั่นนะให้เป็นคนดี สิ่งที่มันไม่ดีอย่าคิดอย่าทำอย่าพูดในสิ่งที่มันไม่ดี คิดพูดทำสิ่งที่ดีมีแต่ความเจริญนะ ถึงจะไม่เจริญทางนอกโภคทรัพย์เพราะว่าอานิสงส์ทานของเราไม่มีในอดีตชาติ แต่เอาเถอะทางด้านจิตใจของเราให้เจริญมีความสุขมีความเจริญเชื่อมั่นในตนเอง เกิดมาภพนี้ชาตินี้ข้าไม่ได้ทำความชั่วเสียหาย เลี้ยงชีวิตตามอัตภาพเป็นคนดีตลอด เพียงแค่นี้ก็เป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างมากนะลูกหลานนะ ไม่ใช่ว่าเรายากจนขึ้นมาแล้วไปหาคดหาปล้นหาจี้ หาขโมยมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องยิ่งทำความชั่วเพิ่มเข้าไปอีก แล้วมันไม่ถอยหลังนะมีแต่เลวไปข้างหน้ามีแต่ทุกข์จนไปข้างหน้าอีกต่างหาก
เราเกิดมาทุกข์ก็จริงเอ้าเราเป็นผู้ขยันอดทนในการทำมาหาเลี้ยงชีพ คนมีปัญญาคนขยันย่อมหาทรัพย์ได้ เราจะขยัน สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เรามองดูแล้วจะเป็นเงินคำทรัพย์สมบัติ เอ้าเราจะขยันทำงานจุดนี้ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ในเมื่อเราขยันย่อมหาทรัพย์ได้ เมื่อหาทรัพย์ได้ก็เลี้ยงชีพไปในทางที่ชอบ ไม่ถึงร้อยปีหรอกชีวิตของข้าจะต้องตายแน่ เมื่อตายไปแล้วข้าพเจ้าจะทำแต่คุณงามความดี ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่มันเลวมันชั่ว ถ้าคิดได้ทำได้อย่างนั้นก็ดีนะลูกหลานนะอย่างที่หลวงพ่อพูดหลวงพ่อกล่าวนะ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “แม่ยักษ์เข้าสิงสามเณร”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๕
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.