Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ความซื่อสัตย์

จันทร์ 16 ม.ค. 2023 5:49 am

#ศีล
#เป็นสตรี... ไม่มีศีล​ ก็สิ้นสวย
#บุรุษด้วย... ไม่มีศีล​ ก็สิ้นศรี
#พระภิกษุสามเณร... ไม่มีศีล​ ก็สิ้นดี
#ข้าราชการ... ศีลไม่มี​ ก็หยาบคาย

#หลวงปู่จันทร์_กุสโล
วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่







"เป็นมนุษย์ต้องเป็นคนจริง ต้องซื่อสัตย์
ถ้าก้าวขึ้นศีลห้าแล้ว เลิศทันที
ศีลห้านี้ถ้าบริสุทธิ์แล้ว
สมหวังหมดทุกอย่าง
ทั้งรูปร่างกาย ทั้งสติปัญญา
ท่านจึงกล่าวว่า สีเลนะสุคะติงยันติ
ยังไม่ตายก็มีความสุข
เพราะไม่มีเวรไม่มีภัย"

หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร






"เอาคำสอนมาใช้หน่อย อย่าเอาทิฏฐิมานะมาใช้กันหลาย มันจะฉิบหาย ละวางกันบ้าง ใครแพ้ใครชนะก็ไม่มีอะไรเป็นของใครซักคน ของแผ่นดิน สมบัติแผ่นดิน ตายแล้วทิ้งไว้ใส่แผ่นดินทั้งนั้นไม่มีใครหอบอะไรไปได้ซักคน"
.
.
โอวาทตอนหนึ่งของหลวงพ่อสมบูรณ์




ยิ่งยุ่งมาก ดีมากเหลือเกินนะ

ไม่ปล่อยโอกาสนะ ขันติได้
อย่ายุ่งไม่พูดแน่นอน จะยุ่งเท่าไหร่ ยินดีเหลือเกินโยม
จะหนักเท่าไหร่ เอ่ารักษาความดีได้ อย่ายุ่งไม่มีทางพูดอีก

บังคับเหตุ เหตุในใจ
ใจร้อนเท่าไหร่ บางครั้ง
เห็นเหตุอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ต่อไปง่ายขึ้น
เป็นอย่างนั้นแน่นอน

ถ้าปฏิบัติในทางศาสนาต้องรับผลดีได้ในเวลานี้ และต่อไปด้วย
เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่ไม่เป็น เราปฏิบัติได้ ทำดีได้
ใครทำไม่ถูกเราทำถูกก็ได้

อย่ายุ่งไม่พูดแน่นอนนะและยินดีรับด้วย
“อย่ายุ่งนะ ไป” เรายินดีรับ
เราไม่รู้เรื่องนะขอโทษนะ อันนี้ก่อนเลย ไม่เป็นไร
ไม่ใช่ผม เป็นคนนั้นนะ ไม่ใช่ ไม่พูดอย่างนั้นนะ ปล่อยเลย
เป็นอดีตแล้ว เค้าพูดว่าๆๆ เป็นอดีตแล้วเราฟังแล้วเป็นอดีตแล้วนะ

เค้าพูดไม่ดี เอ่ายอมรับ แต่เป็นอดีตแล้วนะ
เราไม่รู้เรื่อง ขอโทษนะ อย่าเป็นธรรมดา
ไม่ยอมเป็นอย่างนั้น เจตนาเป็นปกติ

และแสดงความยินดีเราเป็นมนุษย์แล้ว
โยม อันนี้สำคัญ ไม่ใช่เป็นหมา ไม่ใช่เป็นแมว ไม่ใช่เป็นลิง
เราเป็นอย่างนี้เป็นบุญของเราเป็นวาสนา

แล้วขออย่าลืมมีคนหนึ่งสำคัญมากนะ ไม่ใช่ไม่เป็น
เบอร์1ของเรา มีกันทุกคน “แม่นะ” ขอโยมระวังอยู่มาก

แม่มีลูกอีกคนหนึ่งหรือหลายคนอันนี้ไม่ทราบ
แต่เราไม่ยอมพูด เสียงซาบๆเข้าหูโยมแม่ของเรา
สมมติจะกินอะไรแม่ต้องกินก่อน ดีมาก

ขอโยมพิจารณาเห็นสมควรหรือไม่ ถ้าเห็นด้วย
โอ้ใช่แล้ว โยมพ่อของเราอาจทำไม่ถูกกับโยมแม่ อันนี้เราไม่สนใจ
แต่ขอไหว้โยมแม่ด้วย และขอปฏิบัติโยมแม่ตลอดเวลา
จะนั่ง จะไปที่ไหน ขอแม่เราไปก่อน
อันนี้ขอโยมพิจารณาว่าสมควรหรือไม่ ถ้าเห็นด้วย ให้ปฏิบัติอย่างนี้นะ

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด






—คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กระเทือนทั่วโลกธาตุ.. แน่ะ!! จะไม่กระเทือนยังไง?? ความจริงล้วนๆ ทั้งนั้น เป็นแต่เพียงว่าจิตของเรามันฝืนคติธรรมดา จึงก่อทุกข์ให้ตนเรื่อยๆ ที่ฝืนคติธรรมดานั้น ก็เพราะอำนาจของกิเลสมันพาให้ฝืน ไม่ใช่ว่าเราตั้งใจจะฝืนเอง

หลวงตามหาบัว






ถ้าเราไม่คิดแยกไปว่า ที่นั่นเป็นนั่น ที่นี่เป็นนี่ ให้แก่ "สมมุติ" ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับสัตว์ บุคคล ต้นไม้ ภูเขา ดิน ฟ้า อากาศ ตามธรรมชาติที่มีอยู่ของเขา ก็เหมือนกับไม่มีอะไรเลยในบรรดาที่กล่าวมาเหล่านี้

เพราะจิตไม่ออกไปเกี่ยวข้อง จิตมีแต่ความว่างประจำตน หาเหตุปัจจัยอะไรเข้าไปหมุนไปเกี่ยวข้องไม่ได้เลย อยู่โดยปกติของตน

โลกแม้จะมีก็เหมือนไม่มี ถ้าจะพูดว่า "โลกไม่มี สัตว์ สังขารไม่มี" ก็ได้ เพราะไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องในจิต จิตอยู่โดยหลักธรรมชาติแห่งความบริสุทธิ์แท้ เลยกลายเป็นธรรมด๊า..ธรรมดาไป

หลวงตามหาบัว






การพิจารณาด้วยปัญญาก็ต้องอาศัยสัญญาเป็นเส้นทาง เพราะสัญญาความจำนั้น เมื่อเราได้จำในวัตถุสิ่งไหนมา เราควรจะประกอบปัญญาพิจารณาอย่างไร จึงจะเข้ากัน ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็มีอันตรายแก่ตัวเอง ถ้าเราใช้เป็นก็มีคุณได้กับเหตุกับผล เพราะสัญญาความจำได้ยังเป็นมีดสองคม หรือเหมือนกับไฟ ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็เป็นโทษ ถ้าเราใช้เป็นก็เป็นคุณ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็เป็นมีดสองคมเช่นเดียวกัน ถ้าสัญญาไปจำมาแล้ว ถ้าเราเอามาวิจารณ์ผิดก็เป็นพิษขึ้นที่ใจ และยังเป็นไปเผาใจตัวเองได้ และก็ยังเป็นเส้นทางให้กิเลสตัณหาได้พองตัวไปตาม ๆ กัน และยังเป็นเครื่องมือให้สังขารจิตได้ปรุงแต่งพรรณนาความดีใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไปไม่มีทางสิ้นสุด และยังทำให้ใจเรามีความยินดีกำเริบไปตามความกำหนัดอีกด้วย ถ้าสัญญาจำเอา รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มาแล้ว ถ้าประกอบด้วยปัญญาพิจารณาให้ลงสู่ไตรลักษณ์ได้ และใจก็รู้เห็นถูกต้องตามปัญญา ก็จะนำพาให้เกิดซึ่งความเบื่อหน่าย คลายจากความกำหนัดยินดี
ฉะนั้น เมื่อหากสัญญาไปจำสิ่งไหนมาแล้ว ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาตัดสินชี้ขาดแต่ฝ่ายเดียว ถ้าเรามอบหน้าที่ให้กิเลสตัณหาเป็นผู้นำแล้ว มันก็จะพาสัญญาที่จดจำสิ่งต่าง ๆ มาได้นั้นไปในเส้นทางของกิเลสตัณหาแต่ฝ่ายเดียว รูปก็มีแต่รูปที่น่าเชยชม สังขารก็ปรุงแต่งเรื่อยไป ว่ารูปดีอย่างนั้น รูปสวยอย่างนี้ เรื่อยไป ใจก็เออออห่อหมกไปตามกิเลสตัณหา สังขารเห็นว่าได้ท่าของตัวเองแล้ว ก็มีกำลังคิดพรรณนารูปในอดีตที่เป็นมาอย่างไร ก็จดจำพรรณนารูปนั้นไปในวิธีต่าง ๆ ให้ใจได้เพลินไปทั้งวันคืนเดือนปี และเพลินมาแล้วในอดีตไม่รู้ว่ากี่กัปกี่กัลป์ ก็เพลินมาจนถึงปัจจุบันนี้ และจะเพลินไปในอนาคตอีกไม่รู้จะไปถึงไหน และไม่มีที่สุด เสียงก็เหมือนกัน พรรณนาความสนุกสนานร่าเริง ใจก็เกิดความร่างเริงไปด้วย กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็ตาม สังขารก็ปรุงแต่งก็ปรุงไปแต่งไป สิ่งที่เน่าก็แต่งให้หอม สิ่งที่ทุกข์ก็แต่งว่าเป็นสุข สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนก็แต่งให้เที่ยว สิ่งที่เป็นอนัตตาก็แต่งว่าเป็นอัตตา ตัวตน ใจที่มีอวิชชาปิดบังมืดบอดอยู่แล้ว ก็ยินดีใฝ่ฝันตาม ผลสุดท้ายก็ไม่มีผลอะไรให้ใจมีความสุข และใจก็ยังไม่เข็ดหลาย ทั้ง ๆ ที่กิเลสตัณหาได้ต้มตุ๋นเอาจนหมดเนื้อประดาตัว ก็ยังไม่กลัวภัย ยังมีกำลังใจคิดสู้อยู่ตลอดเวลา นี้แล เมื่อสัญญาจำรูป เสียง ฯลฯ มาได้แล้ว ถ้าให้กิเลสตัณหาดำเนินเดินเรื่อง ต้องเป็นอย่างนี้ทุกราย ไม่ว่าคนในฐานะใดย่อมเป็นอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าในกัปไหน ๆ ภพไหน ๆ ใจที่ยังเชื่อถือกับกิเลสตัณหาอยู่ตราบใด รางวัลของใจก็คือน้ำตา

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ







"..ความชั่วใดๆ ยังเกิดขึ้นอยู่ ก็เพราะตนของตนไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักสำรวมอารมณ์ ไม่ได้พิจารณาให้เห็นเป็นตามจริง เรียกว่ายึดมั่นถือมั่นเพราะไม่รู้

เพราะไม่รู้ ใจก็ไม่บริสุทธิ์
ไม่บริสุทธิ์ เพราะ..
ราคะ เพิ่มเข้ามาหาใจ
โทสะ เพิ่มเข้ามาหาใจ
โมหะ เพิ่มเข้ามาหาใจ
โลภะ เพิ่มเข้ามาหาใจ

มันเพิ่มเข้ามาก็เพราะ..
จิตไปปรุงไปแต่งในอารมณ์ใด ๆ

ถ้าหากรู้จักอารมณ์แล้ว ก็เป็นอันรู้จักเลือกที่จะเอาความดีหรือเอาความชั่ว จึงว่าให้มีสติ ให้หัดสติ ให้อบรมสติ ผู้มีสติเท่านั้นที่จะหายโง่หายบ้าหายเมา..”

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
ตอบกระทู้