Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

กรรมฐานลัด

จันทร์ 23 ก.ย. 2019 5:29 am

เรื่อง "การสร้างบารมีเพื่อมรรคผลนิพพาน"

พระทุกวันนี้ว่ายากสอนยาก ไม่ค่อยเอานะเรื่องภาวนา เที่ยวหาทำนั่นสร้างนี่ คิดว่าสร้างบารมีตัวเอง การสร้างบารมีตัวเองมันไม่ใช่ทำอย่างนั้นนะ
มันต้องดูใจตัวเอง คือทำความเพียร เพียรละ เพียรเลิกกิเลสในใจของตัวเองจึงจะถูก เพียรให้มันเห็นให้มันใกล้พระนิพพาน เวลาตัวเองธาตุขันธ์แตกดับบุญจากการภาวนา จึงจะติดไปกับตัวเอง ไปสร้างต่อเอาในภพหน้าชาติหน้า การสร้างบารมีต้องสร้างอย่างนั้น สร้างบารมีในทางความเพียร สร้างให้มันมาก ไม่ใช่สร้างวัตถุอย่างชาวโลกเขา เราเป็นพระเว้ย มันต้องพาสร้างพาทำอย่างนั้น บารมีจึงแก่กล้า ใกล้นิพพานใกล้พระพุทธเจ้า เรื่องสร้างวัตถุนั้นเป็นของโลกเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา


ธรรมเทศนา หลวงปู่เพียร วิริโย





ขอกรรมฐานลัดๆ

ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง กระผมเห็นว่าหลวงพ่อเป็นพระกรรมฐานที่มีแบบฉบับดีมาก ขอกรรมฐานลัดๆ พอเป็นหนทางเข้าสู่มรรคผลนิพพานในชาตินี้ ด้วยเถิดขอรับ

หลวงพ่อ : ” ช่างมัน ช่างมัน ”

ผู้ถาม : แค่นี้เหรอครับ

หลวงพ่อ : อ้าว สังขารุเปกขาญาณไงละ อารมณ์พระอรหันต์นะ เอาเลยลัดได้ ใครด่าก็ช่างมัน ใครชมก็ช่างมัน คือว่าช่างมันเป็นเรื่องธรรมดา กฏธรรมดาเป็นอย่างนี้ เราจะทุรนทุรายไปเพื่ออะไร เมื่อความร้อนมามันไม่เย็น เราไปเรียกความเย็นมันไม่มาก็เป็นทุกข์เปล่าๆ ทนร้อนไป ถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเย็นมากเกินไป มันหนาวจัด ไปเรียกความร้อนมา มันก็ไม่มา ถือว่าโลกเป็นอย่างนี้ก็ปล่อยมัน ทำใจสบายๆ เท่านี้นะ

(จากธัมมวิโมกข์ กรกฏาคม 2532)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ




การแสดงน้ำใจต่อบิดามารดา

บิดามารดาของเรานี่ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงเรามาเป็นเงินแสน กว่าจะสร้างร่างกายของเราขึ้นมาได้ให้มันเติบโต ต้องใช้จ่ายเงินเป็นเรือนแสน ให้วิชาความรู้อีกมาก การที่เอาขนมไปให้นิดหนึ่ง เอาของไปให้หน่อยหนึ่งถ้าจะเปรียบกับค่าของคุณค่าที่ท่านเลี้ยงเรามา มันก็เทียบกันไม่ได้ แต่ทว่าอาศัยกำลังใจที่เรามีความกตัญญูรู้คุณในท่าน นี่เรื่องนี้มันเป็นความดีที่เราสร้างกันแบบง่ายๆ จงอย่าคิดว่าของนิดหน่อย พ่อแม่เรามีของดีกว่านี้เยอะ อย่าเอาไปเลย การคิดอย่างนั้นไม่ถูก เพราะเราไม่ได้ถือว่าของนั้นมีค่ามากหรือน้อย มันเป็นการแสดงน้ำใจ ของลูกที่มีความกตัญญูรู้คุณของบิดามารดาหรือไม่เท่านั้น.

จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๓๙ โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน







สมาธิเล็กน้อย

ผู้ถาม : – หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอยากจะกราบเรียนถาม เกี่ยวกับเรื่องสมาธิเล็กน้อย คือว่าสมาธิของลูกนี่จะได้แค่ประมาณ ๒-๓ นาที หลังจากนั้นไปอารมณ์จะฟุ้ง แล้วก็ทุกวันเป็นอย่างนี้ ไม่สามารถจะแก้ได้ ขอบารมีหลวงพ่อช่วยแก้เรื่องการปฏิบัติของลูก ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ

หลวงพ่อ : – พอแล้ว ๒ นาทีพอแล้ว อย่าลืมนะวันละ ๒ นาที ๑๐ วันเท่าไหร่ ๑๐๐ ปีเท่าไหร่ วิธีที่ทรงสมาธิให้ทรงตัว จับอานาปานุสสติ โดยเฉพาะ ฝึกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า หายใจออกนับเป็น ๑ ถึง ๑๐ ใช่ไหม.. ตั้งใจคิดว่าถ้ายังไม่ถึง ๑๐ จิตมันวอกแวกน่ะ เริ่มต้นใหม่ เอาให้ถึง ๑๐ ให้ได้ วิธีดีที่สุดเอาตามนี้นะ เอาดีอย่างพระพุทธเจ้าทรงตรัสกับ พระสารีบุตร ซิว่า สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดทำจิตให้ว่างกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ตถาคตขอกล่าวว่า บุลลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน” สองนาทีนี่ มันว่างจากกิเลสนะ…ใช้ได้

โอวาทธรรมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ







พระห้อยคอ

ผู้ถาม : หลวงพ่อค่ะ อย่างพระพุทธรูปเป็นเหรียญเล็กๆ เราเก็บรักษาไว้ที่บ้านเราไม่ห้อยคอ แต่เรานับถือในใจอย่างนี้จะมีผลเท่ากันไหมคะ

หลวงพ่อ : ก็ใช้ได้ แต่ไม่แน่นักว่าใจเราจะมั่นคงไปตามนั้นหรือไม่ ถ้าจิตเรามั่นคงละก็ใช้ได้เลย

ผู้ถาม : ไม่จำเป็นต้องมาห้อยคอใช่ไหมคะ

หลวงพ่อ : บางคนก็จำเป็น บางคนก็ไม่จำเป็น ถ้าใจเรามั่นคงจริงๆ เราไม่ต้องห้อยคอก็ได้ ไอ้ที่ห้อยก็เพื่อความมั่นใจ เห็นพระก็สบายใจ เพื่อเป็นกำลังใจก็ได้ เพื่อเป็นกำลังกายก็ได้

ผู้ถาม : เป็นกำลังกายได้หรือคะ

หลวงพ่อ : ก็ได้เหมือนกันนะ เพราะอะไรรู้ไหม ถ้าพบข้าศึกยิงมาไม่ออก ก็วิ่งกวดได้เลย ถ้ายิงมาทะลุ กำลังกายก็หมดแล้ว ก็ได้ทั้งกำลังใจ กำลังกาย

ผู้ถาม : ก็หมายความว่าคุ้มครองได้เท่าๆ กันใช่ไหมคะ

หลวงพ่อ : ได้ คือว่าจิตเรายังเคารพอยู่ก็คุ้มครองได้เท่ากัน ถ้าเอาไว้ที่บ้านแต่จิตเรานึกถึงก็มีผลเหมือนกับเราเอาไว้ที่คอและจิตเราก็นึกถึง
ถ้าเราห้อยไว้ที่คอแต่จิตเราไม่นึกถึงก็เหมือนกับเราไม่มีเลย ความจริงพระถ้าจะเอามาห้อยกันนี่ ฉันว่าใช้หน้าตักประมาณ 50 นิ้วก็ดีนะ ห้อยข้างหน้าข้างหลัง สะพานสัก 4 องค์ ปืนใหญ่ยิงมาก็ยังไม่แน่ว่าจะตาย ถูกไหม เดินไปเฉยๆ ข้าศึกเห็นก็หนีหมดมันนึกว่าผี (หัวเราะ)

ผู้ถาม : พระที่ห้อยคอจะมีวันเสื่อมไหมคะ

หลวงพ่อ : ถ้าพระกร่อนก็เสื่อม

ผู้ถาม : ไม่ใช่คะ หนูหมายถึงว่าจะไม่คงความศักดิ์สิทธิ์ไว้น่ะค่ะ

หลวงพ่อ : อ๋อ….ไม่หรอก ไม่มีเสื่อม

ผู้ถาม : แล้วเวลานอนมีคนอื่นมาข้าม พระจะหนีไหมคะ

หลวงพ่อ : จะหนีอะไร..ก็อยู่ที่คอ ไม่เป็นไรหนู ถึงแม้ว่าเราจำเป็นต้องรอดส้วมก็ไม่เป็นไร มันอยู่ที่ใจนะ


จาก: หนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 7 หน้าที่16-17 โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ตอบกระทู้