ขาลงของศีลธรรม

[รสมน]

"คนทั้งโลก จะให้เขามาพูดถูกใจเรา มีไหม?
จะมาทำถูกใจ เราทุกคน มีไหม?

ไม่มี เมื่อไม่มี เราก็เป็นทุกข์ อยู่ตลอดเวลา
ถ้าเราไม่มีการปล่อยวาง

เราเกิดมาในชีวิตหนึ่ง เราจะหาความสงบว่า
คุณต้องทำให้ถูกใจฉัน ฉันจึงจะสงบ
ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่สงบ

คนๆ นี้ เกิดมาไม่รู้กี่ชาติ ก็ไม่มีความสงบ
เพราะคนหลายคน ใครจะมาพูดให้ถูกใจ
เราทุกคน ใครจะมาทำให้ดี ทุกคน มันไม่มีหรอก"

หลวงปู่ชา สุภัทโท





..โลกมันเป็นอย่างนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ สมัยนี้อยู่ในช่วงขาลงของศีลธรรม จะเลวลงไปเรื่อยๆ "ต้องรู้ทัน" เราอย่าไปเลวตามก็แล้วกัน

.
เขาจะเลวก็เรื่องของเขา เขาจะอยู่แบบสุนัขก็ให้เขาอยู่ไป ทุกวันนี้คนกำลังเลียนแบบสุนัขกัน กำลังเลียนแบบเดรัจฉานกัน ไม่มียางอาย เหมือนเดรัจฉาน ไม่มีมารยาท ต้องเข้าใจว่าสังคมเป็นอย่างนี้ สังคมกำลังเสื่อมทางด้านจริยธรรม ทางด้านศีลธรรม

.
อยู่ในวัดก็มีปัญหาได้ ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ควบคุม วัดก็แหลกได้ เพราะทุกคนมีความคิดความเห็นของตน ว่าควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ พอไม่ประพฤติปฏิบัติตามก็จะเข้ามากำกับแล้ว พอคนที่ถูกกำกับไม่ยอม ก็เกิดเรื่อง

.
"ควรทำใจให้เป็นอุเบกขา ปล่อยวางให้ได้ก่อน" พอปล่อยวางได้แล้ว ก็ใช้ปัญญาวิเคราะห์ดูว่า พอจะพูด พอจะทำอะไรได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็พูดไปทำไป ถ้าไม่ได้ก็อย่าพูดอย่าทำ

.
ต้องทำใจให้สงบ เป็นอุเบกขาให้ได้ก่อน
"ต้องแก้ที่ใจเราก่อน" ให้รับกับเหตุการณ์ให้ได้ก่อน
แล้วค่อยไปแก้ปัญหาข้างนอก..ถ้าแก้ได้.
......................................
.
ธรรมะบนเขา จากหนังสือ
"ศิษย์มีครู" หน้า 259
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี




องค์หลวงปู่เจือ สุภโร เมตตากล่าวว่า
"ในโลกนี้ไม่มีสุขเลย มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น คือ ทุกข์ปกปิดกับทุกข์ไม่ปกปิด
ทุกข์ไม่ปกปิด คือทุกข์ที่เห็นอยู่-เป็นอยู่ เช่น ความหิว ความกระหาย แม้ความอิ่ม ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บ ความปวด ความผิดหวัง ความพลัดพราก ฯลฯ ล้วนเป็นทุกข์
ส่วนทุกข์ปกปิดนี้สิ ยากนักที่จะรู้กัน เช่น เวลาเราอยากได้บ้านยิ่งใหญ่ยิ่งเป็นสุข พอได้ก็เป็นสุข แต่พอได้แล้วต้องทำความสะอาดปัดกวาด เช็ดถู ทำให้หน็ดเหนื่อย นั้นละทุกข์ อยากได้รถยนต์พอได้คิดว่าสุข แต่ที่ไหนละ พอได้มาต้องการดูแลทนุบำรุงมัน และยังต้องคอยระวังกลัวมันจะถูกลักขโมยอีก ฯลฯ
***การจะเห็นทุกข์ปกปิดให้ชัดเจน แจ่มแจ้งดี เราจะต้องเพียรปฏิบัติตามคำสอนหลวงปู่เจือ สุภโร จนเห็นทั่วโลก เพื่อให้เห็นว่าอะไร อะไรในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง แม้ตัวเรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสลายไป ด้วยความเป็นก้อนเหตุ
*** การเห็นรอบโลก คือการเห็นพิ้นแผ่นดินทั่วโลก (เพราะทุกสรรพสิ่งในโลก ไม่เว้นมนุษย์ เหยียบ เดิน ตั้งอยู่ บนแผ่นดิน(บนโลก ไม่ใช่ใต้โลก) แต่ที่อยู่ได้ไม่หัวทิ่ม หัวตำ เพราะอาศัยแรงดึงดูดของโลก เมื่อเห็นแผ่นดิน แผ่นน้ำ ภูเขา ต้นไม้ คน สัตว์ สิ่งของฯลฯ เห็นท้องฟ้า เห็นความสว่าง แล้วค่อยๆ เคลื่อนไปตามเวลา (เราจะเห็นว่าตอนนี้ทีเราอยู่เป็นเวลากลางวัน ประเทศที่อยู่ติดเราเวลาก็จะเคลื่อนไปเรื่อย ตามกลางหมุนรอบตัวเอง ความสว่างของแสงพระอาทิตย์ก็จะคล้อยไปเรื่อยๆ จนประเทศที่อยู่ตรงข้ามเรา(ประเทศไทยตรงข้ามกับประเทศสหรัฐ)ก็จะเป็นเวลากลางคืน ประเทศถัดไปก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ เห็นสิ่งมีชีวิตทั่ว ไม่ว่าคนหรือสัตว์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ เกิด เจ็บ ยังไม่แก่ ก็ตายได้ คนอยากมีคู่คิดว่ามีแล้วสุข ก็เห็นได้ว่ามีแล้วทุกข์ ฯลฯ
ขอน้อมบูชาคุณ องค์หลวงปู่เจือ สุภโร