Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

การเปลี่ยนแปลง

อังคาร 04 ธ.ค. 2018 7:18 am

"รับโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"

“หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ” แห่งวัดระหาน บวชได้ ๔ พรรษา ได้เข้าไปพักที่วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) จ.สกลนคร พร้อมเณร อยู่ได้เพียงเดือนกว่า ไม่ได้อยู่ประจำเพราะไม่มีผู้รับรอง

วันหนึ่ง หลวงปู่จันทร์แรมทำข้อวัตรโดยถือไม้กวาดลงกุฏิเพื่อกวาดตาด ขณะที่หลวงปู่จันทร์แรมกวาดตาดอยู่นั้น ท่านพระอาจารย์มั่นได้เดินผ่านมา หลวงปู่จันทร์แรมเห็นท่านพระอาจารย์มั่นเข้าก็รีบหนีด้วยความเกรงกลัว

แต่ท่านพระอาจารย์มั่นได้พูดว่า “หยุดก่อนๆ พระน้อย อย่าเดินหนี อย่ากวาดเร็ว มันไม่สะอาด” แล้วท่านก็ได้ถามหลวงปู่จันทร์แรมว่า “มาจากจังหวัดไหน”

หลวงปู่จันทร์แรมกราบเรียนว่า “มาจากบุรีรัมย์ ขอรับ”

ท่านกล่าว่า “เพิ่งเห็นพระมาจากบุรีรัมย์”

แล้วถามต่อว่า “ไล่ทหารหรือยัง?”

หลวงปู่จันทร์แรมตอบว่า “เรียบร้อยแล้วครับ”

และท่านพระอาจารย์มั่นได้เตือนหลวงปู่จันทร์แรมว่า “อย่าหนีน่ะ อย่ากลับบ้านน่ะ ถ้ากลับบ้าน ก็จะกลายเป็นคนบ้าน ตัด “น” ออก”

จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นได้ให้โอวาทกับหลวงปู่จันทร์แรม ตรงริมทางนั้นเองว่า

“การภาวนาอย่านอน ๓ ทุ่ม ๔ ทุ่มจึงนอน นอนตื่นเดียวไม่ให้นอนซ้ำ เมื่อตื่นขึ้นให้ภาวนาต่อ ก่อนภาวนาต้องมีสติ เอาใจใส่ต่องานที่เราทำ อย่าทำแบบลวกๆ กลางวันอย่านอน ให้เดินจงกรมนั่งสมาธิ ให้ไปทำหลังวัดที่เป็นป่ากระบาก นอกจากนั้นให้ไปที่ถ้ำพระบ้านนาใน เป็นถ้ำที่มีเสือเดินผ่าน ด้วยความกลัวจะทำให้จิตเป็นสมาธิเร็ว อย่าขี้เกียจ”

ชึ่งปกติท่านพระอาจารย์มั่นจะไม่อบรมธรรมะโดยยืนพูดกับพระเณรข้างทางเลย หลังจากท่านเมตตาเทศน์ให้หลวงปู่จันทร์แรมแล้ว ท่านก็เดินกลับกุฏิ พระรูปอื่นก็เข้าไปถามว่า “ท่านพระอาจารย์มั่นท่านด่าอะไร” เป็นที่แปลกใจของหมู่เพื่อนพระภิกษุด้วยกันเป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจว่าหลวงปู่จันทร์แรมถูกท่านพระอาจารย์มั่นดุ

ชึ่งโอวาทธรรมที่หลวงปู่จันทร์แรมได้รับจากท่านพระอาจารย์มั่นในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หลวงปู่จันทร์แรมมีโอกาสได้รับธรรมะโดยตรงจากท่านพระอาจารย์มั่น เป็นที่ปลื้มปีติและซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ในเมตตาธรรมของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

"พระอาจารย์จันทร์แรม เขมสิริ"
วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน
อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์








การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ตามเวลา ไม่มีอะไรเป็นของจริง ของจริงคือแก่ เจ็บ ตาย มีแต่สิ่งที่หลอกลวงเรา ให้เราหลงรัก ให้เราหลงเชื่อ ให้เราหลงสติปัญญา...

พระอริยแห่งป่าเขาลำเนาไพร

หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร
วัดป่าเขามโนราห์ (ชายป่าห้วยขาแข้ง) อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี




ในบางคืน ท่านเพลิดเพลินเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาจนกระทั่งฟ้าสาง เสียงไก่ขันรับอรุณ ทันใดก็มีเสียงธรรมผุดกระตุ้นเตือนขึ้นในใจว่า "อ้ายลี อ้ายจะแสวงหานาข้าว หรือจะแสวงหานาบุญ อ้ายจะเก็บเกี่ยวข้าวหรือจะเก็บเกี่ยวบุญ" เส้นทางบุญ หรือเส้นทางธรรม อันเป็นทางสายเอก เป็นเส้นทางที่ยากสำหรับมนุษย์ที่มีกิเลสทั้งหลายจะก้าวเดินตาม ท่านจะถอยกลับไปแสวงหานาข้าว หรือจะเดินต่อไปเพื่อแสวงหานาบุญ

คำตอบที่ผุดขึ้นในใจท่านทันทีในขณะนั้น "เราจะแสวงหานาบุญ" เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะพ้นจากทุกข์ได้
หลวงปู่ลี กุสลธโร





มาหาหลวงปู่ไม่ต้องขนอะไรมานะ เอาตัวเอาใจมาพอ ทุกวันนี้ไปที่ไหนๆมีแต่สังฆทานเต็มไปหมด เต็มกุฏิ ศาลา ที่จะให้พระนอนแทบไม่มี เห็นมั้ยล่ะ อย่าไปเสริมกิเลสให้พระ เยอะเข้าๆพากันขายของสังฆทานนะทีนี้ ชาวพุทธเราต้องเข้าใจนะ อย่าตามใจพระให้มาก เข้าใจมั้ย...

หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญโญ
วัดประชาคมวนาราม(ป่่ากุง) ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด
ตอบกระทู้