Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ไม่เห็นทุกข์

พฤหัสฯ. 06 ก.ย. 2018 7:43 am

"ไม่เห็นทุกข์ มันก็ไม่รู้จักทุกข์
ไม่รู้จักทุกข์ ก็เอาทุกข์ออกไม่ได้
ทุกข์ตรงนี้ ก็หนีไปตรงนั้น
นั่นแหละ ยิ่งเก็บทุกข์เอาไว้"

หลวงพ่อชา สุภัทโท





ถูกใจเราก็ช่าง
ไม่ถูกใจเราก็ช่าง
ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์
หลวงพ่อชา สุภัทโท





เรื่องธรรมะ...ทุกคนที่อยู่ที่นี้มีธรรมะหมด!!
ไม่มีผู้ที่จะไม่มีธรรมะ แต่จะมีมากมีน้อยอันนี้ต่างกัน ทำไมถึงต่างกัน? ก็เพราะบุญสร้างมาไม่เท่ากัน มันถึงต่างกัน คนที่มีบุญมากนั่งสมาธิภาวนา จิตก็สงบได้ง่าย เมือจิตสงบแล้วดวงสว่างก็เกิดขึ้นมาง่าย ดวงสว่างเกิดขึ้นแล้ว บางคนก็ไม่เห็นอะไรบางคนก็จะเห็น บางคนก็เห็นเป็นดวงสว่างเล็กๆ บางคนก็สว่างทั่วไปไกล ไม่มีขอบเขตจักรวาล บางคนรู้ไปถึงสวรรค์ลงไปเมืองบาดาล ไปทั่วสารทิศอย่างที่อยู่กลางเขาอย่างนี้ ถ้าเราลืมตาขึ้นมองไปก็จะเห็นภูเขา ป่าปิดบังหมดมองไม่เห็น แต่ถ้าเกิดเป็นตาทิพย์ข้างใน มันจะทะลุไปหมดไม่มีอะไรจะปิดกั้นได้ นี่มันเป็นอย่างนี้

...เพราะฉะนั้นเรื่องจิตนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เราควรที่จะศึกษาให้เข้าใจ เมือเราศึกษาให้เข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมในจิต เป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า ทำไมไม่เป็นอย่างเดียวกัน พ่อแม่ครูอาจารย์ก็สอนภาวนาพุทโธตัวเดียวกัน แต่ทำไมถึงไม่ได้เหมือนกันอย่างนี้ เราก็มานึกถึงคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราที่พระองค์แสดงไว้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ที่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ก็คือ ๘๔,๐๐๐ คนเอาอย่างนี้ ได้คนละคาถา ได้คนละวิธี คนหนึ่งนั่งลงไปจิตก็สงบ คนหนึ่งนั่งลงไปมีแต่คิด แต่ความคิดนั้นคิดที่จะหนีออกจากกิเลส หนีออกจากความโลภ ความโกรธ ความหลง อันนั้นก็เป็นปัญญา

..."เมือทำให้เกิดขึ้นมาได้แล้ว ก็จะทำให้ตัวเราได้รับความสงบสบายใจขึ้นมา อยู่ยังไงก็มีความสงบมีความอิ่มเอิบใจ มีความแจ่มใส่ทุกที่ อยู่ในความสงบ คนที่อยู่ในความสงบอยู่ที่ไหนก็มีความสงบนิ่งอยู่ ความโกรธ ความโลภ ความหลงก็ไม่โกรธ"

...เหมือนกันกับคนที่ใช้สติปัญญาพินิจพิจารณา
ก็ได้มาคนละทาง!! เพราะกำจัดความโลภ กำจัดความโกรธ กำจัดความหลงได้เหมือนกัน นี้มันเป็นอย่างนี้ บางคนก็จะทำให้เกิดความศรัทธาให้มากขึ้นไปอีก เกิดฌาน เกิดญาณ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมา ก็จะมองเห็นอดีตกรรมของตัวเองขึ้นมา คำว่า "อดีตกรรม" คือกรรมที่เคยก่อให้เอาไว้ตั้งแต่หลายภพหลายชาติ พอเรารู้ว่าเราเคยทำผิดศีลข้อไหนมา ภพชาตินี้เราก็จะไม่ทำผิดศีลข้อนั้นๆอีก ให้มีความ"หิริโอตัปปะ" คือความละอายต่อบาป!!

...เมือเรามีธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ทั้ง ๕ แล้ว ก็ให้เอามาใช้ทำความดีไม่ใช่ว่าจะทำบาปเหมือนในชาติก่อนๆที่เคยนิมิตมา เพราะการเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ไม่ใช่ของง่าย เพราะต้องมีบุญมาก เมือมีบุญมากส่งให้มาเกิดแล้ว เราจะสร้างบุญใหม่ให้กับตัวเองยังไง ก็อยู่ที่ปัจจุบันนี้ เหมือนที่พวกเราพากันมาทำ ณ ที่แห่งนี้แหละ

พระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
ในงานพิธียกยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ศรีสามหมื่นทุ่ง วัดป่าบ้านมูเซอสามหมื่นทุ่ง อ.แม่สอด จ.ตาก
วันที่ ๐๕ ธ.ค.๕๙

ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
ตอบกระทู้