อังคาร 22 ต.ค. 2013 4:35 pm
เรื่องที่จะโม้ให้ฟัง เกิดขึ้นมาในครั้งอดีตที่ผมไปปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติที่ปลายด้ามขวานก้อ 3ปีกว่าๆผ่านมา ตอนแรกคิดว่าจะไม่เล่าในกระทู้ เพราะเคยเล่าให้ท่าน อ.ธรรมนูญ และศิษย์พี่ๆของสำนัก ที่ให้ความเคารพนับถือชอบพอกันฟังเท่านั้น แต่เมื่อครั้งงานไหว้ครูที่ผ่านมาเจอพี่กัปตัน (ขออภัยที่เอ่ยนามท่าน) พี่กัปตันเมตตาแนะนำว่าให้เล่าบันทึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทานและเผยแพร่เกียรติคุณบารมีของครูบาอาจารย์ที่พวกเราเคารพบูชา วันหนึ่งผมกลับเข้าฐานที่พักหลังจากออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่รับผิดชอบ ตอนนั้นทั้งฝนทั้งลมพายุเกิดขึ้นอย่างแรงทั้งในเขตฐานที่พักและรอบนอกบริเวณนั้น ดูสภาพที่พักผมตามรูปครับ
- 20042011112.jpg (102.12 KiB) เปิดดู 2700 ครั้ง
โห เหนื่อยกับเสี่ยงในการทำงานมาแล้วยังต้องรับมือกับสภาพลมฟ้าอากาศที่เลวร้ายอีกหรือนี่ คิดในใจ ถ้าลมไม่หยุดที่พักผมคงจะปลิวลอยไปกับลมพายุเป็นแน่ ซึ่งปกติก้อไม่มั่นคงแข็งแรงอยู่แล้ว คืนนี้คงต้องไปขอนอนเบียดกับเพื่อนๆหรือหาที่แขวนเปลนอนเป็นแน่ ระหว่างที่คิดลมก้อยิ่งทวีความแรงขึ้นตับจากที่มุงหลังคาก้อเริ่มเปิดกระพือขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าดำมืดฝนก้อแรง พลันก้อคิดถึงสิ่งที่พ่อนูญเมตตาแนะนำพร่ำสอนมา คิดได้ดังนั้นผมจึงถอดตะกรุดธาตุที่คาดเอวออก พร้อมกับอาราธนาขอบารมีครูบาอาจารย์ของสำนัก (แอบทำนะครับ เดี๋ยวคนอื่นเห็นจะว่าบ้า 555) และทำตามที่พ่อนูญเมตตาสอนสั่ง สัก5นาทีผ่านไป อัศจรรย์ใจยิ่งนัก (สำหรับผมที่ประสบ) ลมพายุและฝนที่กำลังกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งได้เปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น ทำให้กระท่อมที่พักผมและเพื่อนๆต่างรอดพ้นวิกฤตินั้นไป (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ) อาจจะเป็นความบังเอิญก้อได้หรืออาจจะเป็นช่วงลมพายุกำลังอ่อนกำลังลงก้อเป็นได้ ฯลฯ สำหรับผมแล้วลงใจเชื่อในบารมีขององค์ครูบาอาจารย์ ขอกราบแทบเท้าองค์ครูบาอาจารย์ด้วยเศียรเกล้าครับ ศรัทธามีปาฏิหาร์จึงเกิด เล่าให้ อ.ฟังท่านได้แต่ยิ้มๆ บอกว่าคงบังเอิญมากกว่า มีแต่ย้ำให้หมั่นสวดหมั่นเสกเข้าไว้