พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 9:23 pm
การปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงที่กำลังแผ่รัศมีอย่างเต็มที่ ถือได้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพมากเป็นพิเศษ เพราะในทางโหราศาสตร์และทางวิทยาคุณถือกันว่า "พระจันทร์" มีคุณในทางเสน่ห์ เมตตา มหานิยม เยือกเย็น และ ดึงดูดมหาชน
แง่มุมของเทววิทยา เชื่อกันว่าพระจันทร์มีเทพรักษาอยู่องค์หนึ่ง ชื่อ "จันทรเทพ" หรือ "โสมเทพ" เทวดาองค์นี้เป็นบุรุษ มีรูปร่างหล่อเหลา ผิวขาวเหลืองสะอาดสะอ้าน เจรจาพาทีไพเราะเสนาะหู มีรัศมีผ่องใสสวยงามเป็นที่น่ารักใคร่ดึงดูดใจผู้พบเห็น แต่ข้อเสียคือ เจ้าชู้เป็นนักหนา แม้เจรจาไพเราะแต่ก็มักเป็นเชิงเกี้ยวพาราสี ดังนั้นหากในดวงชาตาของผู้ใดเกิดในวันจันทร์ หรือมีจันทร์กุมลัคน์ จึงมักมีความเป็นพระจันทร์ติดมาด้วย เช่น ผิวขาวเหลือง รูปร่างแบบบางสะโอดสะอง รักสวยรักงาม ช่างเจรจา และที่ขาดไม่ได้คือ เจ้าชู้ประตูดิน !
ได้อัธยาศัยมาจากจันทร์นั่นแล...
แม้ในทางวิทยาศาสตร์เองก็ยังยืนยันว่า แหล่งน้ำทุกแหล่งในโลกที่มีน้ำขึ้นและลงได้ก็เพราะอาศัย "แรง" แห่งพระจันทร์ คนบ้าจะคลุ้มคลั่งเป็นพิเศษก็ในคืนเพ็ญ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสรีระของสตรีได้รับผลจากพระจันทร์โดยตรงเช่นกันจึงเรียกว่า menstruation หรือรอบเดือน ฯลฯ
ขนาดแหล่งน้ำใหญ่อย่างมหาสมุทรยังต้องเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงด้วยแรงของศศิธร แล้วทำไมมนุษย์ตัวเล็ก ๆ จะไม่ถูกอานุภาพของดวงจันทร์สั่นคลอนไปด้วย
ก็ในเมื่อร่างกายมนุษย์มีน้ำอยู่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้น ในทางโหราศาสตร์ก็ดี ไสยศาสตร์ก็ดี จึงถือมั่นกันว่าคืนเพ็ญเป็นคืนพิเศษที่ประกอบพิธีกรรมใดใดก็จะขลังเป็นพิเศษเช่นกัน และโอกาสเช่นนี้ก็หาได้ยาก เพราะในหนึ่งปีย่อมมีเพียงหนเดียวที่พระจันทร์จะทอแสงแข่งรัศมีกับดวงดาวอย่างเต็มที่จนกลบรังสีแห่งดาวทั้งปวงแทบหมดสิ้น
เรียกว่าไร้ต้านในยามราตรี
พระจันทร์วันเพ็ญเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน พระพุทธองค์ประสูติขึ้นในโลกมนุษย์นี้ก็คืนเพ็ญ ทรงตรัสรู้ธรรมอันเลิศก็ในคืนเพ็ญ ทรงประกาศมหาปาฏิโมกข์ก็ในคืนเพ็ญ ทรงเสด็จเข้าสู่พระมหาปรินิพพานก็ในคืนเพ็ญ....
เป็นไปอย่างน่าอัศจรรย์
หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องแปลกดีที่ "บังเอิญ" พอเหมาะได้ขนาดนั้น แต่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พระมหาเถระแห่งกรุงเก่ากลับบอกว่า
"ถ้าแกมีญาณที่จะหยั่งรู้ได้ แกจะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตแกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญเลย"
แปลง่าย ๆ ว่าในพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่าบังเอิญ
ทุกอย่างมีเหตุ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ
เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีผล
เหตุดับ ผลก็ดับ
นี้คือสัจธรรม
สัจจะภาวะอย่างหนึ่งที่ปรากฏในโลกนี้คือ "พระจันทร์" มีผลกับมนุษย์ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ อำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาจากพระจันทร์ มีผลให้การทำขลังซึ่งเป็นงานทางด้าน "จิตใจ" แสดงอิทธิคุณของมันอย่างเต็มที่ เป็นเหตุให้ของขลังอันรังสรรค์ในวันที่จันทร์เป็นเจ้าของนั้นส่งอานุภาพเป็นมหาเมตตา เป็นมหานิยม เป็นมหาโชคมหาลาภเอกอุ
สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสสเทวมหาเถระ อธิบดีสงฆ์แห่งวัดสุทัศนเทพวราราม ก็ทรงโปรดที่จะเททองพระกริ่ง - พระชัยวัฒน์ในคืนเพ็ญเดือนสิบสอง รับสั่งเรียกว่า พระกริ่งในกาล หากเทนอกเหนือจากวันนั้นแล้ว ก็ตรัสเรียกว่าเป็น พระกริ่งนอกกาล และในวันที่เททองพระกริ่งนี้เอง สมเด็จฯ จะทรงทำน้ำพระพุทธมนต์ไว้หนึ่งบาตรพระ เต็มปรี่เปี่ยมบาตร ดุจพระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวง
เมื่อประกอบพิธีเททองพระกริ่งแล้วเสร็จ จะทรงนำบาตรน้ำพระพุทธมนต์นั้นมาสรงในคราวเดียวหมดบาตร ตรัสเรียกพิธีกรรมนี้ว่า
"อาบน้ำเพ็ญ"
พระคาถาที่ทรงเจริญเพื่อเสกน้ำพระพุทธมนต์ชนิดนี้เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพมาก แม้ตัวคาถาจะไม่ยาวนัก แต่ความหมายลึกซึ้งและยาวมากเมื่อแปล กล่าวถึงพระพุทธานุภาพแห่งพระพุทธองค์และพระมหาสาวกเอกองค์อรหันต์ทั้งหลายว่า... พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระสิริโฉมและรัศมีกายที่รุ่งเรืองงาม คือ ฉัพพรรณรังสี ได้แก่รัศมีรอบพระองค์หกสี แม้พระอรหันต์สาวกก็มี ทว่าแปลกต่างกันและไม่ครบหกสี
หากแม้พระจันทร์เมื่อวันเพ็ญจะทอแสงแรงกล้าจนสว่างทั่วฟ้าและแผ่นดินเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์และรัศมีของเหล่าพระสาวกที่สาดส่องแผ่ไพศาลไปทั่วโดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล
ส่องสว่าง...แม้กระทั่งเข้าไปถึงข้างในหัวใจคนอันมืดมิด
ซึ่งแสงจันทร์หรือแสงใดใดก็ไม่อาจส่องถึง...
นี้คืออานุภาพของแสงธรรม
แหละนี้คือความหมายของพระคาถาเสกน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ
เมื่ออ้างเอารัศมีกาย รัศมีพระเศียร รัศมีพระสาวก มาประดิษฐานอยู่ที่เรา อยู่เหนือเกล้าเหนือผมแล้ว แม้ไปที่ใด ผู้คนที่พบหน้าค่าตาเราก็ย่อมรู้สึกประทับใจสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นอ่อนโยนที่แผ่ออกมา ราวกับมองพระจันทร์วันเพ็ญที่กำลังทอแสงนวลตาสว่างรุ่งเรืองอยู่กลางหาว...
ดึงดูดสายตา ดึงดูดความรู้สึก อยู่ใกล้ก็เย็นอกเย็นใจ...สบายใจ อยู่ไกลก็รู้สึกคิดถึง อยากเห็น อยากมอง
นี่คือวิชา
หากผู้ที่ได้รับการ "อาบน้ำมนต์เพ็ญ" หรือ "การลงตัวคืนเพ็ญ" ไปแล้ว รักษาวิชาให้อยู่กับตัวได้ด้วยการรักษาศีล ไหว้พระสวดมนต์ ทำตนอยู่ในสายทางธรรมที่พระพุทธเจ้าวางแบบไว้ให้ ไม่ผิดข้อห้ามในสำนักแล้ว วิชาที่ลงไว้ย่อมไม่มีการเสื่อมสูญ รำลึกถึงเมื่อไร เรียกใช้เมื่อไร ย่อมได้รับผลดังใจปรารถนาทุกครั้งไปเป็นที่อัศจรรย์แน่นอน
ในทุกวันนี้จะหาครูบาอาจารย์ที่เข้าถึงรู้จริงในการ "อาบน้ำเพ็ญ" นี้ยากนัก บางท่านแตกฉานแต่ก็ไม่ค่อยทำ เป็นเหตุให้แสวงหามงคลข้อนี้เข้าสู่ตัวยากยิ่ง ที่ผมเห็นว่าทำได้ "ขลังขนาด" ก็เห็นจะมีหลวงพ่อสาลีโขนี้องค์หนึ่งละ แต่ท่านก็มรณภาพจากไปเสียแล้ว อีกรูปหนึ่งก็คือท่านพระอาจารย์ติ๋ว ทว่าท่านก็ไม่ค่อยได้ทำสักเท่าใด
ณ เวลานี้คงมีอาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม ที่ยังรักษาวิชาไว้อย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดสูญ อีกทั้งการอาบน้ำมนต์ให้ศิษย์นี้อาจารย์ก็ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากผู้มาอาบเลย คงขอแต่ว่าให้นำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการบูชาครูบาอาจารย์ของท่านในสำนักเท่านั้นก็พอ
ค่าครูยังไม่มีซ้ำไป
จนผมต้องปรึกษาขออนุญาตกำหนดขึ้นอย่างเต็มอัตราที่จะเป็นมงคลแก่ผู้บูชาครูคือ 108 บาท อาจารย์นิ่งฟังสักครู่ท่านก็ว่า "แล้วแต่อาต่อเถอะ ว่ายังไงว่าตามกัน"
ดังนั้น ท่านใดที่ปรารถนาจะอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญในปีนี้แม้ว่าจะไม่ทันแล้วก็ตาม แต่หากยังมีใจเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อมือว่าอาจารย์ธรรมนูญจะสร้างขลังได้อย่างจริงจังล่ะก็ เราคงได้พบกันที่ "สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ" ของอาจารย์ธรรมนูญ ในคืนเพ็ญเดือนสิบสอง ปี พ.ศ. 2552 แน่นอน อย่ามัวไปเพลินลอยกระทงอยู่เลย หาสิ่งอันเป็นสิริมงคลเข้าตัวกันดีกว่า
มรดกขลังยังรอคนผู้มีศรัทธาอยู่ครับ...
แง่มุมของเทววิทยา เชื่อกันว่าพระจันทร์มีเทพรักษาอยู่องค์หนึ่ง ชื่อ "จันทรเทพ" หรือ "โสมเทพ" เทวดาองค์นี้เป็นบุรุษ มีรูปร่างหล่อเหลา ผิวขาวเหลืองสะอาดสะอ้าน เจรจาพาทีไพเราะเสนาะหู มีรัศมีผ่องใสสวยงามเป็นที่น่ารักใคร่ดึงดูดใจผู้พบเห็น แต่ข้อเสียคือ เจ้าชู้เป็นนักหนา แม้เจรจาไพเราะแต่ก็มักเป็นเชิงเกี้ยวพาราสี ดังนั้นหากในดวงชาตาของผู้ใดเกิดในวันจันทร์ หรือมีจันทร์กุมลัคน์ จึงมักมีความเป็นพระจันทร์ติดมาด้วย เช่น ผิวขาวเหลือง รูปร่างแบบบางสะโอดสะอง รักสวยรักงาม ช่างเจรจา และที่ขาดไม่ได้คือ เจ้าชู้ประตูดิน !
ได้อัธยาศัยมาจากจันทร์นั่นแล...
แม้ในทางวิทยาศาสตร์เองก็ยังยืนยันว่า แหล่งน้ำทุกแหล่งในโลกที่มีน้ำขึ้นและลงได้ก็เพราะอาศัย "แรง" แห่งพระจันทร์ คนบ้าจะคลุ้มคลั่งเป็นพิเศษก็ในคืนเพ็ญ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสรีระของสตรีได้รับผลจากพระจันทร์โดยตรงเช่นกันจึงเรียกว่า menstruation หรือรอบเดือน ฯลฯ
ขนาดแหล่งน้ำใหญ่อย่างมหาสมุทรยังต้องเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงด้วยแรงของศศิธร แล้วทำไมมนุษย์ตัวเล็ก ๆ จะไม่ถูกอานุภาพของดวงจันทร์สั่นคลอนไปด้วย
ก็ในเมื่อร่างกายมนุษย์มีน้ำอยู่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้น ในทางโหราศาสตร์ก็ดี ไสยศาสตร์ก็ดี จึงถือมั่นกันว่าคืนเพ็ญเป็นคืนพิเศษที่ประกอบพิธีกรรมใดใดก็จะขลังเป็นพิเศษเช่นกัน และโอกาสเช่นนี้ก็หาได้ยาก เพราะในหนึ่งปีย่อมมีเพียงหนเดียวที่พระจันทร์จะทอแสงแข่งรัศมีกับดวงดาวอย่างเต็มที่จนกลบรังสีแห่งดาวทั้งปวงแทบหมดสิ้น
เรียกว่าไร้ต้านในยามราตรี
พระจันทร์วันเพ็ญเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน พระพุทธองค์ประสูติขึ้นในโลกมนุษย์นี้ก็คืนเพ็ญ ทรงตรัสรู้ธรรมอันเลิศก็ในคืนเพ็ญ ทรงประกาศมหาปาฏิโมกข์ก็ในคืนเพ็ญ ทรงเสด็จเข้าสู่พระมหาปรินิพพานก็ในคืนเพ็ญ....
เป็นไปอย่างน่าอัศจรรย์
หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องแปลกดีที่ "บังเอิญ" พอเหมาะได้ขนาดนั้น แต่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พระมหาเถระแห่งกรุงเก่ากลับบอกว่า
"ถ้าแกมีญาณที่จะหยั่งรู้ได้ แกจะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตแกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญเลย"
แปลง่าย ๆ ว่าในพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่าบังเอิญ
ทุกอย่างมีเหตุ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ
เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีผล
เหตุดับ ผลก็ดับ
นี้คือสัจธรรม
สัจจะภาวะอย่างหนึ่งที่ปรากฏในโลกนี้คือ "พระจันทร์" มีผลกับมนุษย์ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ อำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาจากพระจันทร์ มีผลให้การทำขลังซึ่งเป็นงานทางด้าน "จิตใจ" แสดงอิทธิคุณของมันอย่างเต็มที่ เป็นเหตุให้ของขลังอันรังสรรค์ในวันที่จันทร์เป็นเจ้าของนั้นส่งอานุภาพเป็นมหาเมตตา เป็นมหานิยม เป็นมหาโชคมหาลาภเอกอุ
- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ (แพ ติสสเทโว)
- somdejprasangkarart pare.jpg (31.14 KiB) เปิดดู 4557 ครั้ง
สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสสเทวมหาเถระ อธิบดีสงฆ์แห่งวัดสุทัศนเทพวราราม ก็ทรงโปรดที่จะเททองพระกริ่ง - พระชัยวัฒน์ในคืนเพ็ญเดือนสิบสอง รับสั่งเรียกว่า พระกริ่งในกาล หากเทนอกเหนือจากวันนั้นแล้ว ก็ตรัสเรียกว่าเป็น พระกริ่งนอกกาล และในวันที่เททองพระกริ่งนี้เอง สมเด็จฯ จะทรงทำน้ำพระพุทธมนต์ไว้หนึ่งบาตรพระ เต็มปรี่เปี่ยมบาตร ดุจพระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวง
เมื่อประกอบพิธีเททองพระกริ่งแล้วเสร็จ จะทรงนำบาตรน้ำพระพุทธมนต์นั้นมาสรงในคราวเดียวหมดบาตร ตรัสเรียกพิธีกรรมนี้ว่า
"อาบน้ำเพ็ญ"
พระคาถาที่ทรงเจริญเพื่อเสกน้ำพระพุทธมนต์ชนิดนี้เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพมาก แม้ตัวคาถาจะไม่ยาวนัก แต่ความหมายลึกซึ้งและยาวมากเมื่อแปล กล่าวถึงพระพุทธานุภาพแห่งพระพุทธองค์และพระมหาสาวกเอกองค์อรหันต์ทั้งหลายว่า... พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระสิริโฉมและรัศมีกายที่รุ่งเรืองงาม คือ ฉัพพรรณรังสี ได้แก่รัศมีรอบพระองค์หกสี แม้พระอรหันต์สาวกก็มี ทว่าแปลกต่างกันและไม่ครบหกสี
หากแม้พระจันทร์เมื่อวันเพ็ญจะทอแสงแรงกล้าจนสว่างทั่วฟ้าและแผ่นดินเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์และรัศมีของเหล่าพระสาวกที่สาดส่องแผ่ไพศาลไปทั่วโดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล
ส่องสว่าง...แม้กระทั่งเข้าไปถึงข้างในหัวใจคนอันมืดมิด
ซึ่งแสงจันทร์หรือแสงใดใดก็ไม่อาจส่องถึง...
นี้คืออานุภาพของแสงธรรม
แหละนี้คือความหมายของพระคาถาเสกน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ
เมื่ออ้างเอารัศมีกาย รัศมีพระเศียร รัศมีพระสาวก มาประดิษฐานอยู่ที่เรา อยู่เหนือเกล้าเหนือผมแล้ว แม้ไปที่ใด ผู้คนที่พบหน้าค่าตาเราก็ย่อมรู้สึกประทับใจสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นอ่อนโยนที่แผ่ออกมา ราวกับมองพระจันทร์วันเพ็ญที่กำลังทอแสงนวลตาสว่างรุ่งเรืองอยู่กลางหาว...
ดึงดูดสายตา ดึงดูดความรู้สึก อยู่ใกล้ก็เย็นอกเย็นใจ...สบายใจ อยู่ไกลก็รู้สึกคิดถึง อยากเห็น อยากมอง
นี่คือวิชา
หากผู้ที่ได้รับการ "อาบน้ำมนต์เพ็ญ" หรือ "การลงตัวคืนเพ็ญ" ไปแล้ว รักษาวิชาให้อยู่กับตัวได้ด้วยการรักษาศีล ไหว้พระสวดมนต์ ทำตนอยู่ในสายทางธรรมที่พระพุทธเจ้าวางแบบไว้ให้ ไม่ผิดข้อห้ามในสำนักแล้ว วิชาที่ลงไว้ย่อมไม่มีการเสื่อมสูญ รำลึกถึงเมื่อไร เรียกใช้เมื่อไร ย่อมได้รับผลดังใจปรารถนาทุกครั้งไปเป็นที่อัศจรรย์แน่นอน
ในทุกวันนี้จะหาครูบาอาจารย์ที่เข้าถึงรู้จริงในการ "อาบน้ำเพ็ญ" นี้ยากนัก บางท่านแตกฉานแต่ก็ไม่ค่อยทำ เป็นเหตุให้แสวงหามงคลข้อนี้เข้าสู่ตัวยากยิ่ง ที่ผมเห็นว่าทำได้ "ขลังขนาด" ก็เห็นจะมีหลวงพ่อสาลีโขนี้องค์หนึ่งละ แต่ท่านก็มรณภาพจากไปเสียแล้ว อีกรูปหนึ่งก็คือท่านพระอาจารย์ติ๋ว ทว่าท่านก็ไม่ค่อยได้ทำสักเท่าใด
ณ เวลานี้คงมีอาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม ที่ยังรักษาวิชาไว้อย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดสูญ อีกทั้งการอาบน้ำมนต์ให้ศิษย์นี้อาจารย์ก็ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากผู้มาอาบเลย คงขอแต่ว่าให้นำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการบูชาครูบาอาจารย์ของท่านในสำนักเท่านั้นก็พอ
ค่าครูยังไม่มีซ้ำไป
จนผมต้องปรึกษาขออนุญาตกำหนดขึ้นอย่างเต็มอัตราที่จะเป็นมงคลแก่ผู้บูชาครูคือ 108 บาท อาจารย์นิ่งฟังสักครู่ท่านก็ว่า "แล้วแต่อาต่อเถอะ ว่ายังไงว่าตามกัน"
ดังนั้น ท่านใดที่ปรารถนาจะอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญในปีนี้แม้ว่าจะไม่ทันแล้วก็ตาม แต่หากยังมีใจเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อมือว่าอาจารย์ธรรมนูญจะสร้างขลังได้อย่างจริงจังล่ะก็ เราคงได้พบกันที่ "สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ" ของอาจารย์ธรรมนูญ ในคืนเพ็ญเดือนสิบสอง ปี พ.ศ. 2552 แน่นอน อย่ามัวไปเพลินลอยกระทงอยู่เลย หาสิ่งอันเป็นสิริมงคลเข้าตัวกันดีกว่า
มรดกขลังยังรอคนผู้มีศรัทธาอยู่ครับ...
- แจกธูปคนละ 3 ดอกก่อนเริ่มบูชาพระ
- jaktoop 1.jpg (42.18 KiB) เปิดดู 4556 ครั้ง
- ศิษย์มากันมากมายแม้จะพยายามบอกให้น้อยที่สุด
- jaktoop 2.jpg (40.73 KiB) เปิดดู 4550 ครั้ง
- อาจารย์ธรรมนูญนำสวดไหว้พระรัตนตรัยและบูชาครูอาจารย์ทุก ๆ พระองค์
- ajarnnoonnumwaikroo 3.jpg (39.88 KiB) เปิดดู 4549 ครั้ง
- ไหว้ครูบูชาพระร่วมกันด้วยความเลื่อมใส
- waikroo boochakroo 4.jpg (39.12 KiB) เปิดดู 4548 ครั้ง
- เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยความศรัทธา
- waikroo boochakroo 5.jpg (40.54 KiB) เปิดดู 4549 ครั้ง
- "น้ำมนต์จันทร์เพ็ญ" ที่เสกมาแล้วอย่างเข้มขลังสองถังเต็มเปี่ยม
- tungnummonjanpen 6.jpg (46.1 KiB) เปิดดู 4548 ครั้ง
- ถังซ้ายแช่รูปหล่อหนุมานพญาอนุชิตฯ ทั้งเนื้อทองผสมและเนื้อผง
- tungsai 7.jpg (42.67 KiB) เปิดดู 4550 ครั้ง
- ถังขวาแช่รูปหล่อท่านย่าเฒ่าและ "งากำจัด" เป็นเคล็ดว่ากำจัดโรค กำจัดภัย กำจัดอุปสรรค และกำจัดเรื่องร้าย ให้กลายเป็นดี
- tungkwa 8.jpg (42.77 KiB) เปิดดู 4546 ครั้ง
- เตรียมตัวก่อนอาบที่ลานหน้าบ้าน ทั้งอาบน้ำมนต์และอาบแสงจันทร์
- treamarb 9.jpg (45.21 KiB) เปิดดู 4542 ครั้ง
- แม้อากาศจะเยือกเย็นเพียงใดก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะใจมุ่งมั่นศรัทธา
- arbnummon 10.jpg (46.38 KiB) เปิดดู 4537 ครั้ง
- อธิษฐานอย่างบรรจงก่อนลงมือล้างหน้า
- atidtarnkonarb 11.jpg (44.23 KiB) เปิดดู 4538 ครั้ง
- ทั้งพรม ทั้งอาบ
- tungpromtungarb 12.jpg (46.47 KiB) เปิดดู 4533 ครั้ง
- พระจันทร์สุกสว่างอยู่กลางนภากาศ เหนือศีรษะทุกคนพอดี
- tamklangsangjan 13.jpg (14.06 KiB) เปิดดู 4529 ครั้ง
- ตรงกลางคือพระจันทร์ แต่รอบ ๆ ไม่ทราบว่าอะไร เมื่อกี้ยังไม่มีเลย
- prajantrongklang 14.jpg (20.48 KiB) เปิดดู 4532 ครั้ง
- รื่นเริงรับน้ำมนต์ (ชอบมีแสงแปลก ๆ ให้งง)
- maikluanow 15.jpg (46.62 KiB) เปิดดู 4526 ครั้ง
- เย็นชื่นกาย ชุ่มฉ่ำชื่นใจ
- yimrabyen 16.jpg (44.39 KiB) เปิดดู 4533 ครั้ง
- คนสวยก็มา
- arbpenshootshoot 17.jpg (43.82 KiB) เปิดดู 4531 ครั้ง
- ประพรมเป็นสิริมงคล
- arbduaypromduay 18.jpg (46.37 KiB) เปิดดู 4532 ครั้ง
- อาบกันจริง ๆ
- arbjingjing 19.jpg (44.46 KiB) เปิดดู 4528 ครั้ง
- ชุดสุดท้าย อธิษฐานเต็มที่
- setpidtai 20.jpg (44.1 KiB) เปิดดู 4527 ครั้ง
- บางท่านอาบไม่ได้ รดไม่ได้ ขอประพรมบ้างก็ยังดี
- maiarbkorprom 21.jpg (46.43 KiB) เปิดดู 4516 ครั้ง
- เหลือเป็นคนสุดท้าย หวังใจจะเก็บอะไร ๆ ที่สุดยอดหรือเปล่านี่
- konneekwanrassameeprom 22.jpg (47.79 KiB) เปิดดู 4525 ครั้ง
- อาบน้ำมนต์เรียบร้อยแล้วก็ไปแต่งตัว แล้วมารับของที่ระลึก
- arbsetkormarabkongdee 23.jpg (51.76 KiB) เปิดดู 4516 ครั้ง
- แจกของดีกันถ้วนทั่ว ไม่เลือกรักเลือกชัง ทุกคนคือศิษย์
- jaktookkon 24.jpg (51.9 KiB) เปิดดู 4517 ครั้ง
- เอ้า เข้ามา เข้ามา ใครยังไม่ได้...เข้ามารับครับ
- dairabtuatuang 25.jpg (47.99 KiB) เปิดดู 4510 ครั้ง
- อาจารย์ลงนะมหาเมตตาให้ท่านพลตรี ณัฐพลชัย วิเศษสินธุ
- longnapakhaitannaipol 26.jpg (42.2 KiB) เปิดดู 4506 ครั้ง
- longnapakhaitannaipol 27.jpg (44.64 KiB) เปิดดู 4501 ครั้ง
- คุณนายสิริณัฐ วิเศษสินธุ ผู้ภริยาก็ลง
- pariyatannaipol 27.jpg (46.5 KiB) เปิดดู 4502 ครั้ง
- จากนั้นก็ลงมือทั้งสอง เพื่อให้ประกอบกิจสิ่งใดก็เจริญรุ่งเรือง ทำอะไรก็ขึ้น
- longmujadaitamkuan 29.jpg (45.78 KiB) เปิดดู 4507 ครั้ง
- แม้เด็กเล็กเด็กน้อย อาจารย์ก็เมตตาเสมอหน้ากันหมด
- dekdekajarnkorlonghai 30.jpg (44.27 KiB) เปิดดู 4499 ครั้ง
- คุณเปิ้ลผู้น่ารัก เจ้าของร้านพระเบญจพรกำลังลงน้ำมันที่สองมือ กลับไปต้องรวยใหญ่
- konsuayjaokongranbenjaporn 31.jpg (38.91 KiB) เปิดดู 4495 ครั้ง
- สุภาพบุรุษท่านนี้มีแปลก คงเล่นได้ขึ้นและขลัง ปรากฏบางสิ่ง "อยู่เหนือเกล้าเหนือผม" ได้ดังคำนำสวดของอาจารย์
- meeduangsawangbonseesa 29.jpg (38.83 KiB) เปิดดู 4499 ครั้ง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 10:12 pm
เตรียมตัวรอไว้สำหรับปีหน้าแล้วครับ ตั้งใจว่าจะต้องไปให้ได้
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 10:35 pm
เป็นเรื่องราวความรู้ที่ดีมากเลยครับ....
ทุกอย่างล้วนมีที่มาและความหมาย
....จะว่าไปแล้วพิธีในวันนั้น"ศักดิ์สิทธิ์...." จริงๆ
โดยเฉพาะรูปสุดท้ายนี่ สงสัยกะลังถอดจิตอ่ะครับ
ทุกอย่างล้วนมีที่มาและความหมาย
....จะว่าไปแล้วพิธีในวันนั้น"ศักดิ์สิทธิ์...." จริงๆโดยเฉพาะรูปสุดท้ายนี่ สงสัยกะลังถอดจิตอ่ะครับ
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 11:15 pm
แป่ว พลาดได้ยังไงเนี่ย คุณ JoJo กับแม่น้องเอมไม่ส่งสัญญาณควันบ้างเลย
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
พฤหัสฯ. 13 พ.ย. 2008 11:57 pm
ศิษย์กวง เขียน:เป็นเรื่องราวความรู้ที่ดีมากเลยครับ....
ทุกอย่างล้วนมีที่มาและความหมาย
โดยเฉพาะรูปสุดท้ายนี่ สงสัยกะลังถอดจิตอ่ะครับ
หา ถึงขั้นถอดจิตได้แล้วเหรอครับคนในรูปเนี่ย
โห เก่งจัง
แต่อย่าเพิ่ง "ถอดหัว" นะครับ กัว...
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 12:00 am
pwnjustdoit เขียน:
อ้าว ผมนึกว่าทราบ แต่ไม่อยากมาเสียอีกนะเนี่ย ไม่งั้นชวนเองแล้วครับ
- PIC_2YD11231.gif (5.46 KiB) เปิดดู 4467 ครั้ง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 1:19 am
เรื่องบรรยายเยี่ยม "ขั้นเทพ" เช่นเคย ฝีมือการถ่ายรูปก็หลุดเข้า "ชั้นเซียน" ไปอีก สองสุดยอดมารวมกัน
ว่าแต่รูปมีแปลก ๆ เยอะจังแฮะ ดูแล้วแอบขนลุกส์ โดยเฉพาะรูปของศิษย์ที่สามารถ ถอดหัว เอ๊ย ถอดจิต ได้คนนั้นอ่าาา
ว่าแต่รูปมีแปลก ๆ เยอะจังแฮะ ดูแล้วแอบขนลุกส์ โดยเฉพาะรูปของศิษย์ที่สามารถ ถอดหัว เอ๊ย ถอดจิต ได้คนนั้นอ่าาา
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 1:21 am
pwnjustdoit เขียน::icry: แป่ว พลาดได้ยังไงเนี่ย คุณ JoJo กับแม่น้องเอมไม่ส่งสัญญาณควันบ้างเลย
อืม ยังใช้สัญญาณควันกันอยู่เหรอครับนี่
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 12:08 pm
ยอดไปเลยคับพี่ต่อ
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 2:00 pm
สงสัยปีหน้า จะต้องใช้แทงค์ หรือ รถขนน้ำมาแล้วกระมังฮะ
สองถังคงจะไม่พออาบ สมาชิกน่าจะเยอะ
สองถังคงจะไม่พออาบ สมาชิกน่าจะเยอะ
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 4:21 pm
ปีหน้าจองคิวไปลอยกระทงที่ชลบุรี ดีฝ่า เตง เต่ง เต้ง เต๊ง....... ;)
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 4:47 pm
อนุโมทนา กับ นางแบบ นายแบบ ผู้มีบุญทั้งหลายด้วยเด้อค่า
Blah Blah ช่างบุญน้อย วาสนาน้อย เสียจริง
Blah Blah ช่างบุญน้อย วาสนาน้อย เสียจริง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 4:54 pm
Blah Blah เขียน:อนุโมทนา กับ นางแบบ นายแบบ ผู้มีบุญทั้งหลายด้วยเด้อค่า
Blah Blah ช่างบุญน้อย วาสนาน้อย เสียจริง
อู๊ดว่า เวลาน้อย มากก่านะคับ
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 5:00 pm
คราวหน้าขอเด็กลึกลับแบบพิเศษด้วยดีก่าฮะ
ว่าจะเอาสระน้ำส่วนตัวไปด้วย จะไม่อาบอย่างเดียวฮะ
จะแช่น้ำมนต์ไปเลยยยยย
ว่าจะเอาสระน้ำส่วนตัวไปด้วย จะไม่อาบอย่างเดียวฮะ
จะแช่น้ำมนต์ไปเลยยยยย
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 6:46 pm
นายบุญคุ้ม เขียน:ปีหน้าจองคิวไปลอยกระทงที่ชลบุรี ดีฝ่า เตง เต่ง เต้ง เต๊ง....... ;)
มาเลยครับ มาเลย จะต้อนรับให้สาสมเชียวแหละ....
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 9:55 pm
อือม รูปสุดท้ายนี่เข้าท่าแฮะ... เอ้ะ หรือว่า เขากำลังเปลี่ยนเป็นอย่างในรูปข้างล่าง บรรยากาศช่างเข้ากันดีแท้ พระจันทร์เต็มดวงด้วย
- w2.jpg (12.07 KiB) เปิดดู 4358 ครั้ง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
ศุกร์ 14 พ.ย. 2008 10:28 pm
พี่ต่อ คับ แล้วของมงคลที่ท่านอาจารย์มอบให้หลังจากอาบน้ำเพ็ญ เปนอะไรอ่ะคับ 
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
เสาร์ 15 พ.ย. 2008 1:28 am
เป็นรูปหล่อลอยองค์ของท่านย่าเฒ่าขนาดแขวนคอ เนื้อทองแดงครับผม ปกติให้บูชาองค์ละ 199 บาท ครับผม
- tanya re1.jpg (25.95 KiB) เปิดดู 4333 ครั้ง
- tanya re2.jpg (25.72 KiB) เปิดดู 4326 ครั้ง
- tanya re3.jpg (29.22 KiB) เปิดดู 4326 ครั้ง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
เสาร์ 15 พ.ย. 2008 1:54 am
จิ้งจก เขียน:อือม รูปสุดท้ายนี่เข้าท่าแฮะ... เอ้ะ หรือว่า เขากำลังเปลี่ยนเป็นอย่างในรูปข้างล่าง บรรยากาศช่างเข้ากันดีแท้ พระจันทร์เต็มดวงด้วย
อ้าว ผมนึกว่าจะเปลี่ยนเป็นอย่างนี้เสียอีก
- OldmanT.gif (38.68 KiB) เปิดดู 4312 ครั้ง
Re: พิธี "อาบน้ำเพ็ญ" อันศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ
เสาร์ 15 พ.ย. 2008 1:58 am
- ban.jpg (60.34 KiB) เปิดดู 4308 ครั้ง