สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากการสั่งการ คือ
เด็กฝาแฝดแรกเกิดที่ต้องอพยพออกจากรพ.จุฬา อยู่ในสกู๊ปข่าวของ นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ในเนชั่นทีวีจาก
http://tweetphoto.com/20484392และ
"ป้าอยากหาย"คำพูดของป้าอำพัน ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องออกจากรพ.จุฬา ในสกู๊ปข่าวของ นภพัฒน์จักษ์ เนชั่นทีวี จาก
http://tweetphoto.com/20485148นี่คือ แค่สองตัวอย่างเล็กๆ เท่านั้น ยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ต้องอพยพออกจากโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล ไม่นับรวมผู้ป่วยที่ช๊อคระหว่างการย้ายไปยังโรงพยาบาลที่ปลอดภัย หรือผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นไประหว่างกายย้ายโรงพยาบาล
ผมน้ำตาไหลเมื่อเห็นหน้าของป้าอำพัน เพราะว่า พ่อของผมป่วยเป็นโรคมะเร็งเช่นเดียวกัน และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เช่นเดียวกันจนกระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ผมเข้าใจถึงความทุกข์ร้อนของผู้ป่วย และครอบครัวเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ก็ได้สร้างความลำบากให้เกิดแก่สมเด็จพระสังฆราชเพราะว่า พระองค์ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เช่นเดียวกัน และในตอนแรกมีแผนที่จะย้ายพระองค์ไปยังโรงพยาบาลศิริราช แต่ก็ไม่ทราบด้วยสาเหตุใด จึงไม่ได้ย้ายพระองค์ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งผมเดาเอาเองว่า การย้ายพระองค์ท่านคงจะไม่ปลอดภัยต่อพระองค์ท่านเป็นแน่ เพราะว่า คนไข้หนักหลายๆ รายก็เกิดอันตรายจนเกือบถึงแก่ชีวิตในระหว่างการย้ายโรงพยาบาล
ปัจจุบัน จึงมีผู้ป่วยที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เพียง 2 ราย คือ สมเด็จพระสังฆราช และผู้ป่วยหญิงอีก 1 ราย ส่วนการรับผู้ป่วยรายอื่นๆ นั้นต้องหนักจริงๆ ทางโรงพยาบาลจึงจะรับไว้ ไม่เช่นนั้นก็คือ ไม่มีคนป่วยกล้าไปโรงพยาบาล คนป่วยที่มาจากต่างจังหวัดก็ต้องกลับไปไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้
ผมขอประนามต่อผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ และให้พวกมันได้รับเวรกรรมจากการกระทำต่อผู้ป่วย และประชาชน