Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 18 ก.ย. 2008 2:41 am

พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง
โดย รณธรรม ธาราพันธุ์


พระพุทธศาสนาสมัยเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จเข้าสู่มหาปรินิพพาน เกิดเหตุสาวกสงฆ์แบ่งแยกออกเป็นสองหมู่ หมู่หนึ่งค้านคำพระพุทธเจ้าบางส่วน ถือเอาคำสั่งเสียกับพระอานนท์ประโยคหนึ่งว่า หากภิกษุทั้งหลายเห็นว่าวินัยบางข้อเป็นอาบัติเล็กน้อย จักเพิกถอนเสียบ้างก็ได้

เลยถอนกันใหญ่

ไอ้นั่นก็จุกจิก ไอ้นี่ก็หยุมหยิม เลิก ๆ...!! พากันดีใจถึงกับเอ่ยว่า ดี ! เมื่อพระพุทธเจ้าเธอปรินิพพานเสียได้นั่นดี เพราะเมื่อเธออยู่สิ่งนั้นก็ห้าม สิ่งนี้ก็ไม่ควร บัดนี้เธอปรินิพพานเสียได้ก็ดีจะไม่มีใครมาคอยจู้จี้กวนใจ

ผู้กล่าวคือ พระสุภัททะ

อีกหมู่หนึ่งไม่ยอมค้านคำของพระพุทธเจ้าเลย ใคร่ถือเอาตามพระวาจาโดยไม่ละเมิดแม้สักข้อเดียว ปักมั่นในพระโอวาทประโยคหนึ่งว่า ภิกษุทั้งหลาย อย่าบัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติ อย่าเพิกถอนในสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้ว พึงสมาทานตามนั้น

พระองค์ปิดประตูทีเดียว

ที่ตรัสอย่างนั้นแน่นอนเหลือเกินว่าทรงเห็นแล้วว่ากุลบุตรผู้มาใหม่ภายหลังไม่อาจทรงพระมหาสติมหาปัญญาได้ดังพระองค์ ทั้งยังอาจเป็นผู้มีกิเลสหนาอันเก่งแต่ปริยัติธรรม หากปล่อยให้บัญญัติพระวินัยหรือถอนทิ้งเสียได้ตามใจตน ไม่แคล้วคงถอนในสิ่งที่ตนมิชอบและบัญญัติไว้แต่สิ่งที่ตนชอบนั่นเอง

จึงเกิดความสลดสังเวชอย่างยิ่งในหมู่ภิกษุผู้เป็นพระอริยบุคคลทั้งสี่จำพวกและเหล่าภิกษุผู้ใฝ่ดีแม้ยังไม่บรรลุคุณธรรมใด ๆ ก็ตาม เป็นเหตุให้เกิดปฐมสังคายขึ้นโดยพระอรหันตเจ้าล้วน ๆ นำโดยยอดพระอรหันต์คือ พระมหากัสสปะเถร และ พระอานนท์

สองพระองค์นี้มีอุปการคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใด ทำให้เถราจารย์ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สร้างรูปเคารพขึ้นวางคู่กันหน้าพระประธานในโบสถ์เพื่อเป็นการรำลึกคุณ หาใช่พระอัครสาวกซ้าย-ขวา คือ พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลาน์ ดังพระพุทธศาสนาฝ่าย หีนยาน ไม่

ก็เพราะเกิดการแบ่งแยกเป็นพระสองกลุ่มดังนี้ กลุ่มที่แยกออกไปจึงค่อย ๆ กลายเป็นมหายาน อันแปลว่า ยานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเน้นการช่วยเหลือผู้อื่นมากกว่าตนเอง ทั้งมีศัพท์เรียกเป็นทางการว่า พระโพธิสัตว์ คือผู้บำเพ็ญอย่างปรารถนาพุทธภูมิ และเรียกกลุ่มชาวพุทธที่พากเพียรเพื่อให้ตนหลุดพ้นเสียก่อนจึงค่อยสอนคนอื่นว่า หีนยาน แปลว่ายานอันคับแคบ กล่าวคือใจแคบพาตนหลุดพ้นไปโดยลำพังคล้ายเห็นแก่ตนก่อนค่อยนึกถึงผู้อื่นภายหลัง

พระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกับศาสนาอื่น ที่ต้องถูกจองล้างจองผลาญจากลัทธิ นิกาย หรือศาสนาใหญ่ ๆ ในโลกที่คลั่งอำนาจ จึงถูกทำลายอยู่บ่อยครั้งทั้งทางตรงคือ ฆ่าพระ เผาวัด และทางอ้อมคือ บั่นทอนคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เห็นเป็นของไม่มีค่า เป็นเรื่องโง่งมงายด้วยวิธีการพูดต่าง ๆ

พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจึงโต้ตอบคำกล่าวตู่เหล่านั้นด้วยกระบวนการสอนในทางศาสนาเช่นกัน อาทิ เมื่อศาสนาพราหมณ์แต่งเรื่องว่าอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์เป็น พุทธาวตาร คือ การอวตารลงมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนเวไนยสัตว์ คำกล่าวนี้พราหมณ์แต่งขึ้นเพื่อหมายกลืนกินชาวพุทธผู้ด้อยปัญญาว่า...

ในเมื่อพระพุทธเจ้าคือพระนารายณ์อวตารลงมาปฎิบัติภารกิจบนโลก ก็ไม่จำเป็นต้องถือพระพุทธเจ้าแล้วเมื่อพระองค์นิพพาน เพราะพระองค์ก็กลับคืนร่างไปเป็นพระนารายณ์ จึงควรบูชาพระนารายณ์เพียงองค์เดียวก็พอ ด้วยคำสอนอย่างนี้พุทธศาสนิกชนมากรายที่ยังไม่มีหลักของใจก็โอนสัญชาติไปเป็น สาวกไวษณพนิกาย จนหมดสิ้น

ฝ่ายมหายานจึงแก้ว่า อันพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี เทพ พรหม พระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็ดี ล้วนถือกำเนิดไปจากพระพุทธเจ้าองค์แรกสุดในสกลจักรวาล พระองค์เกิดเองเป็นเอง ไม่มีผู้ใดไปสร้างพระองค์ได้ เมื่อบังเกิดขึ้นแล้วก็ทรงสร้างทุกสิ่ง และแบ่งพุทธานุภาพออกเป็นพระพุทธเจ้าทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตนเพื่อช่วยเหลืองานต่าง ๆ

พระนามของท่านคือ พระอาทิพุทธะ

img039.jpg
img039.jpg (82.42 KiB) เปิดดู 6133 ครั้ง


พระอาทิพุทธะ สร้างพระพุทธเจ้าที่ไม่มีตัวตนขึ้นโดยอำนาจแห่งฌานจึงเรียกพระพุทธเจ้าจำพวกนี้ว่า พระฌานิพุทธ มีด้วยกันจำนวนนับไม่ถ้วนองค์ ที่โดดเด่นรู้จักกันดีพระนามว่า พระอมิตาภพุทธเจ้า เรามักได้ยินหลวงจีนในหนังพูดกันบ่อย ๆ ว่า “อามิตตาพุทธ” นั่นแหละท่านละ

ที่ต้องเอ่ยนามบ่อย ๆ เพราะมหายานมีความเชื่อว่าการพูดชื่อพระองค์ถือเป็นการสวดมนต์อย่างหนึ่ง เมื่อสิ้นชีวิตแล้วพระองค์จะมารับดวงวิญญาณไปสู่โลกของพระองค์ที่ชื่อ ฮุดโจ๊วไซที หรือ แดนสุขาวดีพุทธเกษตร ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกนี้

ส่วนพระพุทธเจ้าอีกจำพวกหนึ่งที่ถูก สร้าง ขึ้นจากพระอาทิพุทธะคือพระพุทธที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิต เรียกพระพุทธเจ้าประเภทนี้ว่า มานุษิพุทธ ที่เรารู้จักกันดีก็คือ พระสมณโคดม หรือพระพุทธเจ้าที่เรากราบไหว้อยู่ทุกวันนี้แล

ดังนั้นเมื่อพระอาทิพุทธะเป็นองค์สร้างทุกสิ่งในจักรวาล แม้เทพ พรหม โพธิสัตว์ทั้งปวงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขไปจากพระองค์ พระนารายณ์ก็เช่นกัน เหตุนี้ ท่านทั้งหลายเอ๋ยไม่ต้องขวนขวายไปกราบใครดอก ไหว้พระอาทิพุทธะเพียงพระองค์เดียวก็ถึงกันหมด

ยิ่งใหญ่ดีไหม ?
เรียกศรัทธากลับมาได้เพียบก็แล้วกัน...!!


สงครามทางจิตวิทยาเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำทุกเมื่อเชื่อวัน ในทุกศาสนา ทุกนิกาย ประมาณได้ว่าฝ่ายมหายานเปรียบดังแม่ทัพนายกองแบบรบตาต่อตาฟันต่อฟัน ขนาดทำรูปพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ ถือมีด หอก ดาบ แหลน หลาว กินเลือดร้อยกะโหลกเป็นมาลัยไม่ต่างไปจากเทพในศาสนาพราหมณ์ หรืออื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อข่มขวัญและบอกให้รู้ว่าทางเราก็มีภาค ปราบ ขืนแหย่เข้ามาพวกเอ็งต้องวิบัติเหมือนปีศาจที่ถูกพระโพธิสัตว์ปราบเรียบ ที่สำคัญเป็นกำลังใจแก่ชาวพุทธผู้มีจิตเปราะบางว่า อย่ากังวลเลยใครก็คิดร้ายทำอันตรายเรามิได้ ด้วยมีบารมีพระแม่เจ้าปางพันมือ ปราบมารคุ้มครองอยู่

สบายใจแล้วก็มีศรัทธาทำบุญต่อไป

แต่ฝ่ายหีนยานประมาณได้ว่าเป็นที่ปรึกษาผู้ชาญฉลาด ลับสติปัญญาให้กล้าแกร่งฟาดฟันกิเลสตัณหาให้ขาดสะบั้นออกจากจิตใจ แล้วจึงประกาศธรรมแห่งพระพุทธเจ้าได้อย่างอาจหาญไม่หวาดหวั่นกับสิ่งใดแม้จะถูกซักถามถึงเรื่องจิตขั้นหลุดพ้นในเมื่อผู้แสดงธรรม บริสุทธิ์ แล้วด้วยดี

มหายานสร้างพระโพธิสัตว์ให้ถือมีด ดาบ หอก ฯลฯ เป็นอาวุธ
หีนยานสร้างพระอริยเจ้าให้ถือ พระธรรม เป็นอาวุธ


มหายาน เล่าต่ออีกว่า เมื่อพระอมิตาภพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในจักรวาล ท่านก็ทำหน้าที่โปรดชาวมนุษย์ตามคำสั่งขององค์ผู้สร้างคือพระอาทิพุทธะ เมื่องานท่านมากก็จำต้องหาผู้ช่วย ถ้าเป็นยุคเราก็เรียก เลขานุการ

พระอมิตาภพุทธะจึงสร้างพระโพธิสัตว์ขึ้นมากมายเพื่อแบ่งเบาภาระ ทว่าโดดเด่นเป็นอันมากอยู่สององค์ซึ่งเป็นผู้ช่วยซ้าย-ขวา เบื้องซ้ายพระนามเป็นสันสกฤตว่า พระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ หรือ ไต้ซีจี้ผ่อสัก เป็นพระโพธิสัตว์ที่ไม่ค่อยมีใครได้รู้จัก หากเป็นพระผู้ทรงฤทธานุภาพเป็นยิ่งเพราะสามารถพานายช่างจิตรกรขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดุสิตเทวโลก อันเป็นที่อยู่เฉพาะของชาว โพธิสัตว์ เท่านั้น เพื่อจะได้วาดภาพพระพุทธเจ้าจากพระองค์จริงได้เหมือนไม่ผิดเพี้ยน

เฮี้ยนจริง ๆ

ส่วนเบื้องขวาทรงพระนามว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ กวนซีอิมผ่อสัก อันเรารู้จักกันดีในนามเจ้าแม่กวนอิม โพธิสัตว์องค์นี้นับว่ามีความใกล้ชิดกับพระอมิตาภเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าพระอมิตาภปรารถนาให้องค์กวนอิมเป็น ธรรมทายาท สืบสานเจตนารมย์ต่อจากท่าน

ixin re1.jpg
ixin re1.jpg (11.25 KiB) เปิดดู 5830 ครั้ง


และเจ้าแม่กวนอิมก็เคารพเทิดทูนพระผู้สร้างของท่านมาก เห็นได้จากบนมวยเกศาของท่านไม่ว่าจะอวตารเป็นปางใด ย่อมมีรูปพระพุทธองค์น้อยประดับอยู่เหนือเกล้าเกศาแสดงถึงความเคารพเทิดทูนและความกตัญญูอย่างยิ่ง

พระพุทธองค์น้อยนั่นแหละ...พระอมิตาภพุทธเจ้า

จากที่ผมศึกษาพระพุทธศาสนามาแต่ยังเล็ก อ่านไปอ่านมาบางคราวก็เกิดวิจิกิจฉาว่าตกลงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เทพเจ้าทั้งปวงนั้น ท่านสร้างเราขึ้นมาในโลกกลม ๆ ใบนี้...

หรือเราสร้างท่านกันแน่ ?

คิดไปคิดมาพอให้ปวดหัวเล่นก็เลิกคิด ครั้นโตพอรู้ความก็เริ่มได้ยินครูบาอาจารย์บ้าง ฆราวาสผู้ทรงธรรมบ้าง กล่าวถึงเทพองค์นั้นองค์นี้ให้หูผึ่ง และที่ผึ่งจนกาง...เห็นจะไม่พ้น...

เจ้าแม่กวนอิม

สมัยหนึ่งได้อ่านบันทึกและคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกันดีกับท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ ที่ต้องคุยเพราะนายพลท่านนี้เป็นอีกผู้หนึ่งที่ฝึกฝนสมาธิจิตจนสงบนิ่งควรแก่การงาน ควรแก่การพบเห็นผู้อยู่ต่างภพภูมิได้อย่างน่าทึ่ง และวาระหนึ่งท่านก็ได้พบพระโพธิสัตว์กวนอิม
.ท. สมาน วีระไวทยะ saman re1.jpg
.ท. สมาน วีระไวทยะ saman re1.jpg (11.13 KiB) เปิดดู 5847 ครั้ง

ท่านนายพลเล่าว่าท่านมักทำสมาธิเมื่อมีเวลาว่างเสมอ โดยเฉพาะก่อนนอนจะนั่งเป็นชั่วโมง ๆ ทุกวัน วันหนึ่งขณะจิตสงบได้พบหญิงสาวนางหนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ แวดล้อมด้วยหมู่เมฆสวยงามนัก สตรีท่านนั้นแต่งตัวด้วยชุดจีนพื้นขาวมีลายดอกสีแดงปักห่าง ๆ ใบหน้ายิ้มละมัยเปี่ยมด้วยเมตตา
กิมท้ง+เง็กนึ้ง guanim re2.jpg
กิมท้ง+เง็กนึ้ง guanim re2.jpg (19.3 KiB) เปิดดู 5828 ครั้ง

ครั้นเอ่ยวาจาน้ำเสียงก็ไพเราะดุจระฆังเงินก้องกังวานทั่ว ท่านแนะนำองค์ว่าท่านคือ เจ้าแม่กวนอิม ที่มานี้เพราะสวรรค์เห็นในคุณความดีที่นายพลสมานได้กระทำมาตลอดชีวิต และยังเข้าพระกัมมัฏฐานภาวนาโดยสม่ำเสมอ มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในเทวโลกจึงมีบัญชาให้องค์อวโลกิเตศวรนำคำพรมาให้ จากนั้นท่านก็ให้พรเป็นภาษาจีนแต่ไม่ยาวเท่าใด และท่านก็กล่าวลา

เมื่อออกจากสมาธิท่านนายพลก็ไม่แน่ใจว่าตนเกิดนิวรณ์ไปเองหรือเปล่า ด้วยท่านนั้นนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่สุด รู้จักแต่พระไทย ไม่เคยสนใจในเรื่องเจ้าแม่กวนอิมหรือเจ้าจีนที่ไหนเลย ครั้นคิดไม่ตกท่านก็วางเฉยต่อเหตุการณ์

ไม่นานเท่าใดนัก ขณะท่านทำสมาธิในอีกวาระหนึ่งองค์กวนอิมก็มาพบอีกครั้ง คราวนี้ทรงชุดขาวปักลายคล้ายปล้องไผ่และใบไผ่เป็นสีทอง ชายผ้าทั้งแขนเสื้อและคอเสื้อขลิบด้วยด้ายทองเป็นประกายระยิบระยับงามตา ทั้งการแต่งองค์และวงพักตร์ในครั้งนี้งดงามกว่าหนก่อนมากนัก ท่านนายพลถึงแก่ตะลึงด้วยไม่นึกว่าจะพบท่านอีกเป็นคำรบสอง

ท่านปรารภว่า เราคือพระโพธิสัตว์กวนอิม มาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าท่านมิได้ฝันเพ้อหรือเกิดนิวรณ์ในจิตแต่อย่างใด หนก่อนเรานำพรจากสวรรค์มาให้ตามโองการ เมื่อท่านไม่แน่ใจเราจึงต้องมาอีกครั้ง และครั้งนี้เราจะประทานอักษรให้แก่ท่านด้วย

แล้วองค์กวนอิมก็คลี่ม้วนผ้าแดงปักดิ้นทองเป็นตัวอักษรจีนอยู่ภายในให้ดู พร้อมกับอ่านให้ฟังอย่างชัดเจน

“กวนอิมไต้ซือ ซี่สื่อ ฮกลกหงีเทียนสื่อ”

อ่านแล้วก็ทำกิริยายื่นม้วนผ้านั้นให้ ท่านนายพลรับมาอย่างซาบซึ้งในกรุณา เจ้าแม่ยังสั่งอีกว่า ท่านจะจำได้ขึ้นใจทั้งคำอ่านและอักษร จากนี้จงหาผู้รู้หนังสือจีนให้เขาเขียนลงกระดาษแดงด้วยอักษรสีทองแล้วใส่กรอบบูชาไว้ จะบังเกิดโชคลาภ ปราศจากภัยอันตรายแก่ผู้บูชาด้วยอำนาจแห่งเรา และยังสามารถสวดบริกรรมโองการสวรรค์นี้ได้อยู่เรื่อย ๆ จะได้รับพรอันประเสริฐจากเทวโลก ทั้งยังได้รับความคุ้มครองจากเราพระโพธิสัตว์กวนอิม แล้วท่านก็จากไป

เมื่อท่านนายพลออกจากสมาธิ น่าประหลาดว่าท่านสามารถจำลักษณะตัวอักษรและการออกเสียงได้หมดทั้งที่ท่านพลโทสมานไม่รู้หนังสือจีนเลย และท่านก็ไปจ้างซินแสแถวเยาวราชให้เขียนหนังสือนี้ใส่กรอบบูชาไว้เพื่อระลึกถึงคุณแห่งพระแม่กวนอิม และยังเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ทำไว้บูชาที่บ้าน ได้สวดตามเพื่อความเป็นสิริมงคลเสมอ

นี่เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ผมเชื่อถือในท่านมาก่อนหน้า เมื่อผู้ที่ผมเชื่อใจยังยอมรับถึงความมีอยู่จริงของเจ้าแม่กวนอิม ผมก็เริ่มคล้อยตาม...
img038.jpg
img038.jpg (65.25 KiB) เปิดดู 5942 ครั้ง

วันหนึ่งขณะที่พระเดชพระคุณพระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินทสุวัณโณ) วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี กำลังเจริญภาวนาอยู่ในพระอุโบสถ ท่านนิมิตเห็นคนจีนแต่งชุดอย่างชาวจีนโบราณเข้ามาแสดงคารวะท่านแปดคน
.gif
.gif (70.83 KiB) เปิดดู 5805 ครั้ง

ทั้งแปดแนะนำตัวเองว่าเป็น แปดเซียน ในลัทธิเต๋าที่คนทั่วไปนับถือบูชา ที่มาวันนี้เพราะรับบัญชาจากองค์อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ให้มานิมนต์พระคุณเจ้าเป็นสาวกในพระองค์ท่าน ขณะที่พูดก็ยื่นชุดจีวรอย่างพระจีนถวายแด่หลวงปู่โต๊ะ ท่านแปลกใจนักแต่ก็มิได้สนใจไม่ว่าทั้งแปดจะอ้อนวอนอย่างไรท่านก็เพิกเฉยเสีย นานพอสมควรทั้งแปดเซียนก็ลากลับไป

ถึงตรงนี้ท่านเล่าให้ศิษย์ฟังว่า เขามีตัวตนจริง ๆ นะ ที่วาดไว้ตามถ้วยโถเครื่องเคลือบต่าง ๆ นี่เขามีจริง

จากวันนั้น ปรากฏว่าแปดเซียนมาอ้อนวอนหลวงปู่ทุกวันขอให้รับชุดครองอย่างพระจีนและลงใจเป็นสาวกในเจ้าแม่กวนอิม โป๊ยเซียนมาตลอดเจ็ดวัน หลวงปู่ก็ปฏิเสธไปทั้งเจ็ดวันเช่นกัน

แต่วันนี้มาแปลก เซียนทั้งแปดเข้ามาแบบไม่เร่งรัดอะไรบอกเพียงพระคุณเจ้าตัดสินใจหรือยัง หลวงปู่โต๊ะก็ตอบปฏิเสธอีก แปดเซียนจึงว่า วันนี้พระแม่กวนอิมเสด็จมาด้วย ประทับรออยู่นอกโบสถ์ พอเซียนอ้างดังนี้หลวงปู่ก็กำหนดจิตเฉยเสียไม่สนใจ

ไม่นานก็ได้ยินเสียงเซียนเรียกให้ลืมตา เมื่อท่านมองดูก็เห็นสตรีนางหนึ่งในอาภรณ์ขาวสะอาด ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ทั้งยังมีรัศมีที่โอภาสสว่างไสวไปตลอดทั้งอุโบสถ

สตรีที่บอกว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิมได้พูดจาชักจูงหลวงปู่ด้วยตัวเองตลอดเวลา ท่านเล่าว่าเสียงเจ้าแม่นั้นไพเราะนัก น้ำเสียงก็อ่อนโยน จิตท่านน่ะปฏิเสธแต่ร่างกายไม่รู้เป็นอย่างไรไปเผลอรับชุดพระจีนซึ่งเป็นกางเกงมาสวมได้ถึงเข่าก็ระลึกได้ จึงรีบถอดโยนทิ้งไป

เจ้าแม่ก็รวบรัดเลยว่าบัดนี้หลวงปู่โต๊ะเป็นสาวกในองค์ท่านแล้ว ต่อไปนี้เมื่อถึงเทศกาลกินเจหลวงปู่ต้องฉันเจทุกคราวไปตลอดเวลา 10 วัน ว่าแล้วก็ลาหายไปพร้อมแปดเซียน
วัดประดู่ฯ.jpg
วัดประดู่ฯ.jpg (19.2 KiB) เปิดดู 5783 ครั้ง

หลวงปู่ปกติไม่ฉันเนื้อสัตว์ใหญ่อยู่แล้ว แต่การกินเจเป็นเรื่องละเอียดมาก พระผู้บิณฑบาตเลี้ยงชีพจะไปสั่งรายการอาหารญาติโยมอย่างไรได้ ท่านก็ทำเฉย ๆ พอถึงเทศกาลเจซึ่งท่านไม่ฉัน ปรากฏว่าท่านล้มป่วยหนักไม่น่าเชื่อ ครั้นพ้นเทศกาลสิบวันท่านก็หายป่วย หลวงปู่ทดลองอย่างนี้อยู่ราว 3 ปี ท่านก็แน่ใจได้ว่าเป็นด้วยอำนาจองค์กวนอิม ท่านต้องมีบุพกรรมเกี่ยวพันกันมาก่อนแน่นอน

ปีต่อมาท่านจึงเริ่มฉันเจและท่านก็ไม่ป่วยจริง ๆ ส่วนชุดพระผู้ใหญ่ฝ่ายจีนนิกาย ท่านเปรยกับเจ้าแม่ว่าท่านไม่รู้จะหาที่ไหน เจ้าแม่ก็ว่าไม่ต้องกังวลท่านจะให้ศิษย์นำมาถวาย ไม่นานก็มีชายจีนคนหนึ่งเอาชุดพระจีนมาถวายหลวงปู่โดยบอกว่า ฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมสั่งให้เอาจีวรมาถวายหลวงปู่วัดประดู่ฉิมพลี

หลวงปู่โต๊ะจึงห่มแต่จีวรพระจีนที่เป็นตาราง ๆ ทับลงบนจีวรอย่างพระไทยซึ่งท่านครองไว้เรียบร้อยแล้วภายในทุกวัน และจะห่มเมื่อใกล้เวลาจำวัดเท่านั้นพอรุ่งก็ถอดออก ท่านว่าไม่อยากให้ใครเห็นจะไม่ดี
กับเจ้าแม่กวนอิม.jpg
กับเจ้าแม่กวนอิม.jpg (8.26 KiB) เปิดดู 5755 ครั้ง

เหตุนี้ชาวจีนจึง ขึ้น หลวงปู่โต๊ะมากเล่าลือกันไปว่าหลวงปู่โต๊ะสำเร็จเป็น เซียน แล้ว ที่จริงผมอยากบอกว่าหลวงปู่น่ะ เลยเซียน ไปแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าเชื่อหลวงปู่ ก็ต้องเชื่อว่าเจ้าแม่กวนอิมมีจริง แม้จะผิดหลักกาลามสูตรอยู่บ้าง วาระนี้ผมก็ยอม ด้วยผมเชื่อในหลวงปู่โต๊ะสุดหัวใจ
img040.jpg
img040.jpg (53.76 KiB) เปิดดู 5884 ครั้ง

เคยมีศิษย์คนหนึ่งนำรูปบูชาของเจ้าแม่กวนอิมไปถวาย พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา อธิษฐานจิต ท่านเอาดินสอพองมาขีดเขียนอักขระบนองค์เจ้าแม่อยู่นาน และแม้เป็นแค่ดินสอพองแต่กลับทะลุลงจับในเนื้อพระได้จนถึงวันนี้แม้ผ่านมานานนับสิบ ๆ ปีน่าอัศจรรย์

ต่อข้อถามถึงการมีอยู่ของพระโพธิสัตว์กวนอิม หลวงปู่ดู่ท่านได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่อธิบายอะไร หากเปรยขึ้นเพียงว่า

“อ้อ ! เจ๊น่ะเหรอ”

เจ๊ แปลว่า พี่สาว หลวงปู่ดู่ก็ปรารถนาพุทธภูมิ ผู้ปรารถนาเช่นนี้มีศัพท์เรียกว่า พระโพธิสัตว์ แปลว่าผู้ข้องอยู่ในความรู้ ผู้ประสงค์ความรู้แจ้ง คือการตรัสรู้นั่นเอง เมื่อทั้งสองท่านประสงค์ในเป้าหมายเดียวกัน การที่หลวงปู่เรียกพระแม่กวนอิมเชิงหยอกว่า เจ๊ อาจหมายได้ว่าองค์กวนอิมสร้างบารมีอยู่ก่อนท่าน เป็นผู้ปรารถนาจุดหมายเดียวกันหากลงมือบำเพ็ญก่อนหลังเท่านั้น ท่านเลยยกพระแม่กวนอิมเป็นพี่สาวในทางธรรม

หลักอาวุโส-ภันเต

ราวปี พ.ศ.2539 แม่ชีซูง้อ แซ่เอ็ง ศิษย์ในพระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้อาราธนาหลวงพ่อให้เดินทางไปโปรดโยมบิดา-มารดาและญาติมิตร ณ ประเทศสิงคโปร์ ทัวร์นั้นมีศิษย์ติดตามไปหลายคน

ตอนหนึ่งของการเดินทางแม่ชีซูง้อได้พาหลวงพ่อจรัญไปชมรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เป็น 1 ใน 3 องค์ที่ชาวสิงคโปร์นับถือมาก ขณะเดินชมสถานที่ซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงามนั้น จู่ ๆ หลวงพ่อจรัญได้สั่งศิษย์ผู้ชายซึ่งถือย่ามท่านอยู่ให้เอาซองปัจจัยในย่ามของท่านทั้งหมดใส่ลงตู้รับบริจาคที่ตั้งอยู่ใกล้กับองค์เจ้าแม่กวนอิม และสั่งให้ศิษย์ที่ไปด้วยทั้งหมดลงมือทำบุญทันที กำชับอีกว่าทำบุญแล้วจงอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนาอย่างสูงสุดในชีวิตเดี๋ยวนี้

ทุกคนแม้งงกับเหตุการณ์แต่เชื่อหลวงพ่อนี่แน่นอนที่สุด จึงรีบควักปัจจัยหย่อนลงตู้บริจาคเป็นโกลาหล เมื่อทำบุญเสร็จและกลับมายังบ้านพัก ท่านเมตตาเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายว่า ขณะที่ท่านยืนพิจารณารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอยู่นั้น ได้เห็นเทพธิดาองค์หนึ่งลอยออกมาจากองค์เจ้าแม่กวนอิม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณอย่างชาวจีนซึ่งสวยงามมาก แสดงคารวะต่อท่านและยิ้มแย้มยินดี

หลวงพ่อกำหนด เห็นหนอ ก็ทราบได้ทันทีว่าเทพธิดาองค์นี้เป็นเทพเจ้าระดับสูง มีบุญญาภินิหารมากนัก บำเพ็ญบารมีมาทาง สัจจะวาจา ทำให้เป็นผู้มี วาจาสิทธิ์ เมื่อให้พรใครย่อมเป็นไปตามนั้นทุกประการ ที่มารักษารูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เพราะรับบัญชาจากพระแม่กวนอิมโดยตรงเพื่อโปรดมนุษย์

และขณะนั้นเทพเจ้าองค์นี้ก็ปรารถนาจะอำนวยพรแก่หลวงพ่อและชาวคณะ ท่านจึงรีบทำทานบารมีและสั่งคณะศิษย์ให้ทำตาม เพื่อสร้าง กรรมพัวพัน อันจะเปิดโอกาสให้พรที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นจริงขึ้นมา เป็นมงคลแก่คณะศิษย์ที่ติดตามไปตลอดชีวิต

สุดยอดไหมล่ะกับหลวงพ่อวัดอัมพวัน ?

เรื่องเหล่านี้คือความจริงที่ผมได้มีโอกาสรับรู้ นับว่าเป็นสิริแก่ตนอย่างยิ่ง แม้จะไม่มีญาณรู้เห็นด้วยตน ชั้นชั่วแต่ได้ผู้ทรงญาณยืนยัน ผมก็ถือเป็นวาสนาแล้ว ผมหายสงสัยได้ในเรื่องเจ้าแม่กวนอิม ไม่เพียงเพิ่มพูนศรัทธาในท่าน ยังเลื่อมใสไปถึงท่านผู้เมตตาแจ้งข่าวเหล่านั้นด้วย หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม และ ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ

ขอกราบขอบพระคุณครับ.

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 18 ก.ย. 2008 5:03 am

แล้วคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมห้ามทานเนื้อวัว นี่จริงเท็จประการใด หรือด้วยสาเหตุใดครับ ฝากถามไว้ที่นี้เพื่อจะได้เรื่องราวต่อเนื่องกันครับ ขอบคุณล่วงหน้า

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 18 ก.ย. 2008 9:51 am

เรื่องของหลวงปู่โต๊ะเรื่องนี้นั้นผมได้รับการบอกเล่ามาจากรุ่นพี่ท่านหนึ่งซึ่ง ณ เวลานั้นท่านเป็นเด็กนักเรียนบ้านขายไอติมแบบโบราณบ้านอยู่ปากซอยวัดประดู่ฉิมพลี ท่านเล่าให้ผมฟังว่า สมัยเด็กๆ ท่านแทบจะกินนอนอยู่กับหลวงปู่คอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา ตอนเย็นๆ ค่ำๆ หลวงปู่โต๊ะท่านก็จะเดินมาหน้าปากซอยมาคุยกับคุณพ่อของท่าน ตัวรุ่นพี่ท่านนี้และครอบครัวก็สนิทสนมกับหลวงปู่โต๊ะมากเพราะว่า พี่ชายของท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำสิงห์โตทอง ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่โต๊ะท่านไปสร้างไว้ (ใช่หรือไม่ครับไม่แน่ใจในข้อมูล)

ท่านเล่าให้ผมฟังเรื่องเจ้าแม่กวนอิมกับหลวงปู่โต๊ะเช่นเดียวกันกับเรื่องที่อาจารย์รณธรรมเขียนครับ เพราะผมเคยสงสัยเรื่องนี้และเรียนถามกับท่านและท่านก็เล่าให้ผมฟังครับ

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พุธ 18 มี.ค. 2009 10:49 pm

อ่านแล้วเพิ่มพูนความรู้ มีความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองยิ่งนัก

ขอบพระคุณคุณรณธรรมและคุณจิ้งจกที่กรุณาเปิดโลกกว้างทางธรรมจริง ๆ ค่ะ

พร้อมกันนี้ ได้แนบ....คำขอบคุณมากมายและกำลังใจให้...เด็กลึกลับ ด้วยนะคะ

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 19 มี.ค. 2009 12:11 am

นำโมกวมซีอิมผ่อสัก
:pry:

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 19 มี.ค. 2009 12:55 am

Blah Blah เขียน:อ่านแล้วเพิ่มพูนความรู้ มีความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองยิ่งนัก

ขอบพระคุณคุณรณธรรมและคุณจิ้งจกที่กรุณาเปิดโลกกว้างทางธรรมจริง ๆ ค่ะ

พร้อมกันนี้ ได้แนบ....คำขอบคุณมากมายและกำลังใจให้...เด็กลึกลับ ด้วยนะคะ



อุ๊ย!!! คุณ blah blah สบายดีเหรอครับหายไปนานเลย :D

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 19 มี.ค. 2009 1:09 am

อ้อ...ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ :lol: :lol:

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 19 มี.ค. 2009 1:12 am

คนเขียนเรื่องนี้ "พหูสูตร" คนลาก "พหูพจน์"
ขอบพระคุณมากๆก๊าบ ไม่มีข้อโต้แย้งในบทความ
มีแต่ข้อกังขาว่าจะหาเจ้าแม่กวนอิมของหลวงปู่โต๊ะได้อย่างไร
หายากชมัด :ydie: :ydie:

Re: พระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) มหาโพธิสัตว์ นิยายฤาเรื่องจริง

พฤหัสฯ. 19 มี.ค. 2009 1:44 am

ศิษย์กวง เขียน:อ้อ...ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ :lol: :lol:

เอ...ไม่ได้ถามถึงคุณพี่ศิษย์กวงนา :mrgreen:
ตอบกระทู้