Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

เสือทอดเงา

อังคาร 10 มี.ค. 2009 1:04 pm

"เสือทอดเงา"
"โว้ยๆ มีใครอยู่มั่งโว้ย...."
นานสักอึดใจ ก็มีเสียงขานตอบออกมา
"วู๊ๆ...อยู่จ้ะ...."
"เออ..แหมเอ็งกว่าจะมาถึงนี่ได้ ข้าแทบหมดแรง"
"เชิญผู้ใหญ่เข้าบ้านก่อน....."
หลังจากที่ดื่มน้ำกันเรียบร้อย ผู้ใหญ่ส่วน ก็เริ่มต้นพูดกับทิดหอม ผู้ที่ออกมาอาศัยอยู่ริมดงสัก ด้านในเขตติดกับอ.ลูกแก
"ข้าจะมาบอกเอ็งให้รู้ไว้ก่อน เขาว่ากันว่า ปะรืนนี้ ไอ้เสือชิต กับพวกมันจะผ่านมาทางบ้านเรา ข้าเห็นเอ็งกับลูกเมีย ออกมาอยู่เสียไกลจากคนอื่น ข้าเลยเป็นห่วง.."
"ขอบใจพ่อผู้ใหญ่มากละจ้ะ..ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน อ้ายชิตมันหนีตำรวจมากจาก โพธาราม ไหงมันถึงเลยมาบ้านเราก็ไม่รู้.."
"นั่นแหละไอ้หอมเอ๊ย..ข้าถึงต้องคอยออกไปเตือนให้ชาวบ้านเขารับรู้กันไว้ หากมันมาจริง ก็ให้ต้อยรับขับสู้ให้ดี อย่าไปขัดขืน ไอ้ชิตมันก็เคยอยู่แถวนี้ มันคงจะไม่ข่มเหงคะเนงร้ายกับคนบ้านเราหรอก.."
"ถ้ามันไม่ทำอะไรก็ดีไปนะพ่อผู้ใหญ่ แต่ถ้ามันมายุ่งกับครอบครัวฉันละก็ ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน.."
"นั่นแหละไอ้หอม อย่างนี้ที่ข้าหนักใจ กะคนอื่นเขาก็ฟังดีอยู่ มีแต่กะเอ้งนั่นแหละ ที่จะรบกับโจร.."
"ฮึ..ฉันน่ะไม่เคยอยากมีเรื่องกับใคร แม้แต่กับเสือ หรือหมา แต่มาเพียงจะผ่าน ฉันก็คงไม่ไปยุ่งกับไอ้ชิต.."
ผู้ใหญ่ส่วน ใบหน้าอาบมันด้วยเหงื่อกระตุกยึกๆ แกเองก็กะเอาไว้แล้ว เรื่องที่จะมาพูดกับทิดหอม ในเรื่องที่จะให้อยู่เฉยกับเสือชิต ที่จริงผู้ใหญ่ส่วนก็พอจะรุ้ว่าไอ้เสือชิต กับทิดหอม เคยเป็นศัตรูหัวใจกันมาก่อน ตั้งแต่ครั้งอีเย็น เมียทิดหอมยังเปล่งสาว เรื่องมันบรมสมกัลแล้ว ผู้ใหญ่เองก็ได้แต่ถอนใจ
"เอาเถอะวะ ยังไงก็ดูแลตัวเองให้ดี...ข้าก็เพียงแต่มาเตือนในฐานะผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นเอง..ไปละโว้ย....เดี่ยวจะต้องไปบอกคนอื่นๆ อีก"
ผู้ใหญ่ส่วนกลับไป กับลูกน้องของแก ทิดหอมดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง จึงเดินขึ้นไปบนบ้าน และหยิบของสิ่งนึงจากหิ้งพระ เอาลงมาสวมไว้ที่แขน พร้อมกับอาราธนา อยู่นาน
ข่าวเสือทอดเงา แพร่ออกไป ทั้งลูกเด็กเล็กแดงและชาวบ้านต่างปิดประตูลั่นดาล ด้วยว่ากลัวชื่อเสือชิตกันทุกผู้ทุกนาม เมื่อแสงสุริยาลับขอบฟ้า ทั่วทั้งตำบล มืดสนิท ยกเว้น หน้ากุฏิอาจารย์สุรินทร์ วัดลาดบัวขาว และบ้านทิดหอมเท่านั้น
การณ์เป็นไปดังคาด เสือชิต เข้าเหยียบลาดบัวหลังเที่ยงคืน พร้อมด้วยสมัครพรรคพวกอีกราวสิบคน แต่แทนที่เสือชิต จะเข้าไปปล้นบ้านคนอย่างที่คนทั่วไปเกรง เสือชิต กลับพาลูกน้องตัดท้ายหมู่บ้าน เบนหัวไปยังเป้าหมายคือบ้าน ทิดหอม ชาวบ้านที่แอบซุ่มดูอยู่ ก็มารายงานให้ผู้ใหญส่วนรับรู้
"ไหมล่ะ..กูว่าแล้ว..ไอ้ชิตมันต้องไปหาอีเย็น..เอายังไงกันดี..."
"เอ็งไปดูด้วยตาเถิด ส่วนเอ้ย ไม่ต้องไปกลัว แต่ข้าเป็นพระไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามเพรงกรรมของมัน ไม่ไอ้ชิต ก็ไอ้หอม ในคืนนี้......"
หลวงพ่อสุรินทร์ ท่านเปิดประตู้ห้องออกมา แล้วก็กล่าวกับผู้ใหญ่ส่วน เพียงเท่านั้น แล้วท่านก็กลับเข้าไปในห้อง สักพักใหญ่ มีรถกระบะสองคันขับเข้ามาจอนบนลานดิน หน้ากุฏิหลวงพ่อสุรินทร์ ทั้งหมดเป็นตำรวจ สภอ. บ้านโป่ง ราชบุรี หลังจากนั้นรถทั้งสองคัน พร้อมด้วยผู้ใหญ่ส่วน ก็ไปยังบ้านทิดหอม ผู้ไม่กลัวเสือ
"ผู้กำกับรู้เรื่องได้ยังไงครับ...."
"ทางโพธารามประสานมา บอกว่าเสือชิตจะเข้ามาลาดบัว ผมเลยนำกำลังมา..ผู้ใหญ่นี่ก็คนละ ทำไมไม่แจ้งไปล่ะ"
"เอ่อผม....ผมก็กลัวมันจะรู้.....อ่า......"
ผู้กำกับเข้าใจผู้ใหญ่ส่วน เพราะว่าหากพวกโจรู้ว่าใครแจ้ง มันก็จะจัดการกับคนนั้นก่อน

"ดับเสือชิต"
"ไอ้หอม...กูมาแล้ว.....อย่ามุดหัวอยู่ในกระดอง.."
"อ้อ...ไอ้ชิต...คนเขากลัวมึงกันทั้งบาง หากแต่กูหรอกโว้ย ที่ไม่กลัวมึง...."
"มึงกับกูเท่านั้นไอ้หอม....."
เสือชิต ยกมือปรามลูกน้องให้วางปืนลง แล้วเดินเข้าไปยังหน้าบ้านของทิดหอม ห่างเพียงช่วงเงาบ้านทอดลงมาจากแสงจันทร์
"ถ้าไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ กูขอเอาเลือดมึงล้างตีน แล้วกูก็จะไป ส่วนอีเย็น กูตัดใจเสียแล้วล่ะ มึงจะกินเดนกู กูก็ไม่ว่า"
"ไอ้สัตว์กะหมาชิต...."
ทิดหอมโจนผึงถึงพื้นดิน ในมือมีเพียงมีดซุยด้ามเดียว หากแต่คมของมัน แวววับหยั่งกับเกล็ดปลาตะเพียน เสือชิต ตั้งท่าพร้อม ดึงมีดเหน็บจากเอวออกมา อันที่จริง เสือชิต มีปืนอยู่ในตัวอีกสองกระบอก หากแต่ด้วยหนี้เลือดระหว่างผู้ชาย มันต้องล้างด้วยข้นของเลือด ของกันและกันเท่านั้น
ความเดิมมันยอกย้อนนัก หากจะท้าวความไปถึง เรื่องรักสามเส้า ระหว่าง ทิดหอม ชิตชัย และเย็นโฉมนางนั้น
ชั่วเพียงสักอึดใจ เพลงมีดระหว่างหนุ่มทั้งสองบรรเลงกันบนลานกว้าง แสงจันทร์ส่วางสดใส เลือดสดๆไหลลงบนพื้น ร่างหนึ่งล้มลง อีกร่างหนึ่งยืนปักหลัก
"ไปซะไอ้ชิต ระหว่างมึงกับกูขอให้จบเพียงเท่านี้..."
"ไอ้หอมมึง.....โธ่ทำไมๆ.."
ชิตหันหน้าไปสั่งลูกน้อง ว่าห้ามเข้ามายุ่งเรื่องนี้ หากแต่ช้ากว่าเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาล้อมรอบบ้านของทิดหอมเอาไว้ และประกาศกร้าวให้กลุ่มโจรวางอาวุธ
"ไอ้หอมมึงแจ้งตำรวจให้มาจับกูหรือ....."
"ข้าเปล่านะ......."
"ไอ้หอมมึง"
หากแต่ไม่ทันได้สิ้นเสียงประกาศ เสียงปืนนับสิบๆกระบอก ก็คำรามผ่านปืนออกมา แม้เสือชิต จะโดนทิดหอมแทงเอาไว้ ก็ยังแข็งใจสู้กับตำรวจ และพยายามฝ่าวงล้อมออกไป หากแต่กาลมรณะได้เข้าครอบคลุมชีวิต ของเสือชิตเข้าแล้วในบัดนี้ ลูกสมุนหลายคนตายไปและอีกบางส่วนโดนจับ เสือชิตล้มลุกคลุกคลานเข้าไปในดงโสน มีเสียงปืนตอบโต้ออกมาเป็นระยะ หากแต่น้อยกว่าจำนวนที่กระสุนของตำรวจระดมเข้าไปมันมากกว่าหลายสิบเท่า จนทุกอย่างสงบลง ตำรวจก็เข้าไปเอาร่างอันไร้ลมหายใจของเสือชิต ออกมาจากดงโสน ทิดหอมเข้าไปดูเป็นคนแรก และกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า
"ชิตเอ้ย ข้ากับเอ็งรักกันอย่างพี่น้อง หากแต่วันนี้เราสวองคนมันต้องมีอันเป็นไปเพียงเพราะความรักเท่านั้น....."
รุ่งเช้า ข่าวการเสียชีวิตของเสือชิต ก็ดังออกไปหลายอำเภอ ผู้คนกล่าวขวัญกันอึงอลถึงเรื่องราวในครั้งนี้ หากแต่ที่พูดกันมากก็คือ บาดแผลตามร่างกายของเสือชิต ที่มีแต่รอยจ้ำๆ เต็มตัวไปหมด เสือชิต เสียชีวิตด้วยบาดแผลจากคมมีดของ ทิดหอม มิใช่ด้วยคมกระสุนของตำรวจ ที่แขนของเสือชิต มีพิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์ อันเดียว และทิดหอม ก็ใส่พิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์อันเดียว ตอนดวลมีดกับ เสือชิตเช่นกัน รอยแดงๆตามร่างของทิดหอม จากมีดของเสือชิต ก็ไม่อาจจะผ่านหนังของเขาไปได้ หากเพียงแต่เสือชิต ถึงเวลาชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ คมมีดของทิดหอมจึงสามารถผ่านหนังอันเหนียวขึ้นชื่อ ของเสือชิต เข้าไปได้
"เวรกรรม มันตามทัน ไม่ว่าอะไรก็ช่วยไม่ได้หรอก ของๆข้าต้องคนประกอบสัมมาอาชีพสุจริตเท่านั้น ถึงจะคุ้มครองตัวได้"
หลวงพ่อสุรินทร์ท่านกล่าวให้ศิษย์ฟัง ในวันเผาเสือชิต ปิดตำนาน "เสือชิต หนังเหนียว" ตั้งแต่บัดนั้น
พิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์ ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียว เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว หากแต่ว่าปัจจุบันนั้นหายากเต็มที และต้องเป็นคนดีด้วย มีดหรือปืนก็ไม่ได้กินเลือด มีคนพูดกันถึงมีดทิดหอม ทำไมถึงแทงเสือชิตเข้า แม้ว่าถึงเวลาตายของเสือชิตก็จริง หากแต่คมกระสุนของตำรวจ ก็ไม่อาจระคายผิวของเสือชิตได้ ทิดหอมเล่าก่อนออกบวชและธุดงค์หายไปจนถึงบัดนี้ว่า
"ข้าเอามีดไปทำอย่างนึง เพราะข้ารู้ว่า วันนึงข้ากับไอ้ชิตต้องได้เจอกันแน่ มันก็เหนียว ข้าก็เลยต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น"
หลายคนคงทราบว่าทำยังไง คงไม่ต้องบอกนะครับ
แนบไฟล์
DSC01860.JPG
DSC01860.JPG (142.8 KiB) เปิดดู 2256 ครั้ง
DSC01861.JPG
DSC01861.JPG (124.74 KiB) เปิดดู 2253 ครั้ง

Re: เสือทอดเงา

อังคาร 10 มี.ค. 2009 1:21 pm

ว้าว...คุณเอก ลาดบัว มีของดีมาให้ดู ให้อยากเรื่อยเลย...ยังไม่นับเรื่องที่เล่าอ่านสนุกเพลิดเพลินด้วย :D :D :D
---------------------------------------------------------
ขอรบกวนถามหน่อยครับว่า พิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์ในปัจจุบันนี้ เล่นหากันอยู่ที่ราคาประมาณสักเท่าไรครับ หากไม่สะดวกตอบทางกระทู้นี้ก็ PM มาแจ้งก็ได้ครับ

Re: เสือทอดเงา

อังคาร 10 มี.ค. 2009 3:49 pm

สวัสดีครับ พิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์ ถ้าซื้อขายกันแถววัด จะตกลงราคากันที่2,500-3,500บาท หรืออาจะถูกหรือแพงกว่านี้ครับ เป็นวัตถุมงคลที่แพงพอสมควร แต่พวกเซียนพระแถวเมืองกาญฯมักจะนำไปขายในราคา10,000บาท ขายเป็นหลวงพ่อม่วงวัด บ้านทวนครับ
จะได้ราคาดีกว่า แต่ของอาจารย์สุรินทร์ ยุคแรกๆก็มีความเก่าพอๆกับของหลวงพ่อม่วงยุคปลายครับ เพราะอาจารย์ของหลวงพ่อสุรินทร์ เป็นศิษย์สายเดียวกันกับหลวงพ่อม่วง และที่ต้องถือว่าสุดยอดคือ เมื่อหลวงพ่อสุรินทร์ สร้างพิรอดแขวน และปลุกเสก เสร็จ เมื่อเอาไปให้อาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อสิน วัดรางวาลย์ หลวงพ่อสิน ท่านก็ประกาศกับทุกคนว่า ต่อไปนี้ท่านจะไม่ทำพิรอดแขนอีกต่อไป ใครอยากได้ให้มาเอาที่หลวงพ่อสุรินทร์ได้เลย นั่นครับ ชาวบ้านถึงได้นับถือท่านมากครับ แต่พิรอดอันนี้ผมบูชามาจากพระที่วัดรางวาลย์

Re: เสือทอดเงา

อังคาร 10 มี.ค. 2009 10:22 pm

ขอบพระคุณ คุณเอกมากครับ และอยากทราบต่อว่า
1. พิรอดแขนอันที่โชว์นี้เป็นของหลวงพ่อสุรินทร์และตกทอดกันมาจนมาถึงมือคุณเอก ใช่หรือไม่ครับ
2. ทุกวันนี้มีผู้ใดที่สืบทอดวิชาการทำพิรอดแขนจากหลวงพ่อสุรินทร์หรือไม่ครับ ถ้ามีแล้วเป็นใครอยู่ที่ไหนครับ
3. วิชาการทำพิรอดแขนนี้หลวงพ่อสุรินทร์ท่านสืบทอดมาทางสายเดียวกับหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน และหลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว ใช่หรือไม่ครับ
4. คำถามสุดท้ายครับ อิอิอิ คุณเอก มีพิรอดแขนที่พอจะแบ่งให้บูชาได้บ้างหรือไม่ครับ (ถ้ามีจะได้โทรไปคุยหลังไมค์ครับผม)

Re: เสือทอดเงา

พุธ 11 มี.ค. 2009 1:05 am

ขอบคุณครับคุณเอก :D

Re: เสือทอดเงา

พุธ 11 มี.ค. 2009 1:19 am

ขอบคุณครับ คุณเอก เรื่องนี้นอกจากจะเป็นอุทาหรณ์สอนตัวไม่ให้ประมาทแล้ว
บริบทของเรื่องยังมีส่วนช่วยกระตุ้นต่อมความอยากชมัด :evil: :evil:

Re: เสือทอดเงา

พุธ 11 มี.ค. 2009 2:59 am

ขอบพระคุณครับ :P

Re: เสือทอดเงา

พุธ 11 มี.ค. 2009 12:26 pm

จิ้งจก เขียน:ขอบพระคุณ คุณเอกมากครับ และอยากทราบต่อว่า
1. พิรอดแขนอันที่โชว์นี้เป็นของหลวงพ่อสุรินทร์และตกทอดกันมาจนมาถึงมือคุณเอก ใช่หรือไม่ครับ
2. ทุกวันนี้มีผู้ใดที่สืบทอดวิชาการทำพิรอดแขนจากหลวงพ่อสุรินทร์หรือไม่ครับ ถ้ามีแล้วเป็นใครอยู่ที่ไหนครับ
3. วิชาการทำพิรอดแขนนี้หลวงพ่อสุรินทร์ท่านสืบทอดมาทางสายเดียวกับหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน และหลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว ใช่หรือไม่ครับ
4. คำถามสุดท้ายครับ อิอิอิ คุณเอก มีพิรอดแขนที่พอจะแบ่งให้บูชาได้บ้างหรือไม่ครับ (ถ้ามีจะได้โทรไปคุยหลังไมค์ครับผม)


1.พิรอดแขนที่โชว์เป็นพิรอดแขนของหลวงพ่อสุรินทร์ อันที่3 ที่ผมมี ตอนนี้บอกตามตรงว่าไม่มีแล้วครับ เป็นของพระอายุ60 อยู่ที่วัดรางวาลย์ เลยวัดลาดบัวไป8 กิโล ท่านมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ปัจจัย ทุกอย่างเลยสมประโยน์กันพอดี
2.ผู้ที่สืบทอดพิรอดแขนของอาจารย์สุรินทร์ ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วครับ มีคนพยายามทำปลอมออกมา หลังจากทำออกมาได้สองวัน ก็ประสบอุบัติเหตุ เกือบพิการ คนต่อมาก็พยายามทำเพราะขายได้ราคาดี แต่ก็อีก บ้านไฟไหม้เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
3.ใช่ครับ มาจากสายหลวงพ่อม่วง โดยมีหลวงพ่อเปรมวัดรางวาลย์ เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน
4.เรื่องพิรอดแขน ต้องรออีกนิดนึงครับ ผมจะขึ้นไปหาแม่ตอนสิ้นเดือน จะลองไปหาจากชาวบ้านดูครับ แต่อันที่ลงโชว์ มีคนนิมนต์ไปตั้งแต่วันแรกแล้วครับ

Re: เสือทอดเงา

พุธ 11 มี.ค. 2009 4:42 pm

ขอขอบพระคุณ คุณเอก ลาดบัว มากเลยครับที่กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

อือม...ของดีจริงๆ ครับ มาปุ๊บก็ไปปั๊บเลย
ตอบกระทู้