Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

หลวงปู่ลีปรารภเรื่องสร้างเจดีย์ ณ วัดป่าบ้านตาด

อาทิตย์ 24 มี.ค. 2013 5:46 pm

หลวงปู่ลีปรารภเรื่องสร้างเจดีย์ ณ วัดป่าบ้านตาด

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... aFniiaco54

บทสนทนาต่อไปนี้ เป็นการถอดจากเทปสนทนา ขององค์หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง ซึ่งองค์หลวงปู่ถือเป็นศิษย์อาวุโสมากขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งถ้าจะนับความสำคัญและการให้ความเคารพนับถือแล้ว องค์ท่านมีความอาวุโส รองจากหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ เท่านั้น ในปัจจุบัน

ในการสนทนานี้ เป็นการสนทนากันระหว่างหลวงปู่ลี กับพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน (เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด องค์ปัจจุบัน) โดยมีคณะลูกศิษย์ลูกหาหาทั้งฝ่ายพระสงฆ์และฆราวาส นั่งฟังอยู่ด้วย เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า ณ โรงกล้วย วัดป่าบ้านตาด

มูลเหตุและเนื้อหาของบทสนทนานั้น มีเนื้อความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระธรรมเจดีย์ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ด้วยเหตุว่า มีกระแสข่าวมาจากหลายแห่งว่า ในการก่อสร้างเจดีย์องค์หลวงตานั้น จะต้องมีการรื้อศาลาใหญ่ข้างนอกที่อยู่ใกล้กับเมรุขององค์พระหลวงตามหาบัว

ศาลาแห่งนี้องค์หลวงตามหาบัว เป็นผู้ดำริให้สร้าง เพื่อใช้ประกอบเป็นสาธารณประโยชน์ศาสนพิธี และได้ใช้สืบเนื่องมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งองค์หลวงตายังทรงธาตุขันธ์อยู่นั้น โดยเจ้าศรัทธาใหญ่ที่ถวายปัจจัยในการสร้างศาลาใหญ่นี้ คือ คุณเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกิจการบริษัทกระทิงแดง จำกัด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่องค์หลวงตาได้ให้ความชื่นชมในศรัทธาของคุณเฉลียวที่มีต่อศาสนาพุทธและวัดป่าบ้านตาด มาโดยตลอด

ตามกระแสข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีการทอดผ้าป่าถวายปัจจัยร่วมสร้างเจดีย์องค์หลวงตามหาบัว ณ สวนแสงธรรม ได้เงินสมทบร่วมกว่า 11 ล้านบาทนั้น ในการนี้มีประธานสงฆ์ในพิธี คือ พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ซึ่งเป็นศิษย์พระเถระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขององค์หลวงตามหาบัว ที่มีบทบาทมากในเรื่องการบริหารจัดการงานต่าง ๆ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์และปฏิปทาขององค์หลวงตามหาบัว ให้ดำเนินต่อไปหลังจากที่องค์หลวงตาได้ละสังขารไปแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีการประชุมโดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย และคณะลูกศิษย์ที่เชิญมาร่วมประชุม มีเรื่องราวการประชุมเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ และเจดีย์ที่วัดป่าบ้านตาดอุดรธานีหลายประเด็น ล้วนไม่สอดคล้องตรงกันกับแผนผังการก่อสร้างที่เคยตกลงกันไว้แต่เดิม ตลอดจนมีการจัดตั้งผังแผนที่แสดงการก่อสร้างแบบใหม่ไว้ด้วย

ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น รับฟังแล้ว เกิดความไม่สบายใจในความเปลี่ยนแปลงมากมาย ที่ไม่ใช่ปฏิปาขององค์หลวงตา จึงได้ไปกราบเรียนเรื่องราวต่าง ๆ ต่อหลวงปู่ลี กุสลธโร ให้องค์ท่านได้รับทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ ในวันนั้น

เมื่อหลวงปู่ลี ได้รับฟังแล้ว ท่านก็เกิดความไม่สบายใจ จึงรีบเดินทางไปยังวัดป่าบ้านตาด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดฯ เกี่ยวกับการก่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ขององค์หลวงตามหาบัวนั้น แท้ที่จริงเป็นอย่างไร โดยเนื้อความมีนัยดังนี้

**************************************

เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๐ นาฬิกา ที่วัดป่าบ้านตาดอุดรธานี
หลวงปู่ ลี กุสลธโร ไปวัดป่านบ้านตาด ณ โกดังกล้วย...หลังศาลาใน (ศาลาไม้เก่า) แล้วได้ปรารภเรื่อง...ที่ว่าจะรื้อศาลาใหญ่ด้านใน

“.......มาเว้าเรื่องท่านอินทร์ไปประชุมอยู่สวนแสงธรรมเดี่ยว นี่ อันศรัทธาเขาโทรศัพท์มาบอก ว่าจั่งซั่นจังซี้ แหล่ว อาการของผมนี่ จวนแล้ว ผมย่านบ่ได้เว้าให้ท่านฟัง (หมายถึงพระสุดใจ) อื่อ...เลยมามื้อหนิ มันเปื่อยเบิ้ดตนโตหนิ อือ...สังขาร เดี่ยวนี่ท่านอินทร์ไปปัดซุมอยู่โพ่น ว่าสิม้างศาลาใหญ่หนิแล้วกะม้างทางกุดผม สิเอาเจดีย์ขึ้นหั่นวาสั้น แล้วสิมาทำลายฮอยมือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ นั่น!!! โอ๋ย คันสิเฮ็ดจั่งซั่น บ่อนซื้อใหม่ซื้อไว้เฮ็ดหยัง ไปเฮ็ดพุ่นกะได้ตั้ว

บ่เห็นติ ศาลานี่ เจ้าคุณธรรม (พระอุปัชฌายะของหลวงตา หลวงปู่ลีด้วย) เพิ่นเฮ็ดให้เนี่ย กิมก่ายมาขอเฮ็ดแหล่วกะด็อกเตอร์เชาว์เพิ่นมาขอเฮ็ด เพิ่นบ่ให้เฮ็ดเลย มีแต่ซ่อมแซม ยกเสาขึ้น อือ...เจ้าคุณธรรมฯเด๊เฮ็ดให้เพิ่น ไปนำแล้ว โอ่ย เพิ่นบ่อยู่แล้ว นี่ธรรมดาหะเนี้ยเฒ่ามาหล่าออกแล้ว แหล่วว่าสิเฮ็ดตลาดน้อยพุ้นดี้ ขายของพุ่นหนะ เพิ่นไปเว้าอยู่พุ้นหนะ อื่อ..”

(โยมกราบเรียนต่อ)... “ขอโอกาสครับ ว่าที่เขาประกาศเห็นเขาโทรมา คอกวัวนี้จะรื้อออก จะทำเป็นสวนหย่อมแล้วก็สร้างอาคารหลังนึงไว้ขายของที่ระลึก เพื่อเอาปัจจัยมาไว้ดูแลเจดีย์ ผมก็เลยบอกว่าผมไม่ทราบผมไม่กล้ากราบเรียนหลวงปู่ เขาออกข่าวกันขนาดนั้นหละครับผม”

ท่านอาจารย์สุดใจเลยกราบเรียนหลวงปู่ว่า “...ผมก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันครับผม มีคนเขามาเล่าให้ฟัง...”

หลวงปู่ปรารภต่อว่า “...อื้อ หั่นหละ แหล่วสิมาทำลายฮอยมือพ่อแม่ครู จารย์เบิ้ดดี้ อั่น ศาลานั่น กระทิงแดงเนี่ย พ่อแม่ครูจารย์ก๋าให้เด้ ทางกว้าง ๓๐ เมตร ทางยาว ๖๐ พุ่นหนะ กะยกมือ เค้าเฮ็ดให้แหล่ว กะพ่อแม่ครูจารย์ดี้ ส้วมหนิกะเพิ่นเป็นผู้ให้ม้างดี้ ส้วมอยู่หั่นหนะ อั่น จูดศพ อั่น ท่านปัญญาหนา”

ท่านอาจารย์สุดใจ “ครับ” หลวงปู่ปรารภต่อ “เพิ่นบ่ยอมให้ม้างบ่ยอมให้ฮื้อเอาอยู่หั่น แล้วสิมาทำลายจั่งซั่นเฮ็ดจั่งใด๋ โอ๋ย...เงินล้านหนิบ่เข้ามาแหล่ว คันสิเฮ็ดจั่งซั่น ! อือ...ซื้อไว้เฮ็ดหยังซั่นหนะ อันนอกหนะ คันเกดเฮ็ดอยู่กะได้ตั๊ว จ่งไว้ตั้ง ๓๐ ไร่”

โยมกราบเรียนเพิ่ม... “ความหมายหลวงปู่บอกว่า ได้เริ่มฝืนธรรมพ่อแม่ครูจารย์ แล้ว ก็ไปทำข้างนอกซ่ะ ว่างั้นครับผมหลวงปู่ “ อื่อ...คันสิเฮ็ดจั่งซั่น เฮ็ดโลดแหล่ว ...ดีบ่ดี...ให้ไปเฮ็ด อยู่วัดพ่อแม่ครูจารย์คือกัน หั่น พุ้นหนะ กกสะทอน...

โย้ว...สิมาม้างศาลาเด้ หละเฮ็ดให้รอยมือของครูบาอาจารย์ เพิ่นเฮ็ดไว้ กะให้อยู่เป็นปกติตั๊ว กะท่านอินทร์มันกะจนว่า เพิ่นฮ้ายให้ พ่อแม่ครูจารย์ป่วยมากๆ นี่ตั๊ว จั่งค่อยมา อือ...มันกะได้ยินพอแฮงแล้ว มันหยังสิไปเว้าจั่งซั่น ศรัทธาดี๋ คะเจ้ามีศรัทธา เขาบริจาคดิ้ เขาโทรศัพท์มาถาม....”

ท่านอาจารย์สุดใจกราบเรียนเพิ่มอีกว่า... “หลวงปู่บุญมี ท่านบอกไปไกลแล้ว ต้องอาศัยหลวงปู่หละครับ ...อื่อ...ต้องอาศัยหลวงปู่แหละพูดปรามไว้”

...หือ...หลวงปู่ลีตอบ...เว้ายังใด๋ เทื่อผมตายเฮ็ดจั่งใด๋ ผมว่าสิตายแต่มื้อคืนหนิ ผมย่านบ่ได้เว้าให้หมู่ท่านฟัง (พระอจารย์สุดใจและคณะ) ผมกะเลยมามื้อหนิ อือ...มันเปื่อยเบิ้ดหละเนี่ย นำหมู่เนี้ย เป็นเลิมเบิด หัวหมู่หนิกะเปื่อยเบิ้ด นำหน้านำตาหมู่เนี่ย อือ...มันจวนละดี้ ให้เว้ากันแหล่ว ...สิมาเฮ็ดร้านค้าอยู่ในวัดแล้วห่าเนี้ย อื้อ..สายครูบาอาจารย์บ่ได้สอน...”

โยมกราบเรียนเพิ่มอีกว่า... “ขายของที่ระลึก มีแต่ขายพ่อแม่ครูจารย์หละครับผม ขายรูปเหมือนครับ”...

หลวงปู่ลีพูดต่อ... “อื้อ...สิยอมให้เฮ็ดติหมู่พวกหละ ?”

ท่านพระอาจารย์สุดใจ เรียนตอบไปว่า... “ก็ไม่มีใครเห็นด้วยกระผม หือ...ไม่มีใครเห็นด้วยหละ”

หลวงปู่ลีพูดต่อ... “บ่มีแหล่ว ดีบ่ดี อั่น ผู้ให้ปัจจัยมาก ๆ นี่ ย่านเขาบ่มาใกล้หละ มากะ มะเขมะขา อือ...ตาสีตาสาหนะ มายุ อื่อ...หลุสิทำลายสมบัติครูบาอาจารย์เบิ้ด ผมได้ยินว่า เพิ่นบ่ให้เฮ็ดดิ๊ เจดีย์ในเขตวัดเพิ่นหนิ เพิ่นเฮ็ดเป็นวัดตัวอย่างจั่งซี้....ก่อสิได้ไปเฮ็ดอยู่พุ้น เพิ่นบ่ให้เฮ็ดเลย อันนี่ เจ้าฟ้าหญิง...อนุโลมเลยกะให้ไปเฮ็ดอยู่นอกพุ้น บ่อนซื้อใหม่พุ้น เฮ็ดไว้หยัง ๒๐๐ ไร่พุ่นหนะ

อือ...ในเขตนี่บ่อยากให้เฮ็ดแหล่ ว...ผมหน่ะ ผมฟังอยู่ คันสิทำลายจั่งสิ กะมาคัดค้านได้อยู่แล้ว เจ้าฟ้าหญิงกะเว้าได้อยู่ หยังจะบ่ได้ สิมาทำลายฮอยตีนฮอยมือครูบาอาจารย์...บ่เอา บ่มักจั๊กดี้...โครงการเพิ่นสิ ม้างฮอดกุดผมเฮ็ดอยู่ ผมอยู่หนา ม้างไปฮอดพุ้นละ ว่าเจดีย์ ว่าสิเอาใส่บ่อนเทคอนกรีต บ่อนลานข้าวเปลือกหนะ...”

ท่านอาจารย์สุดใจกราบเรียนต่อว่า... “แปลนเก่ามันศาลาหลังใหญ่ก็ยังอยู่ หือ...ศาลาหลังใหญ่ก็ยังอยู่ไม่จำเป็นต้องหลังใหญ่ก็ยังอยู่ หือ...ศาลาหลังใหญ่ก็ยังอยู่ไม่จำเป็นต้องรื้อ ลองถามเค้าดูว่ามันจะขัดกันมั้ย เค้าบอกว่าไม่ขัด คนที่เค้าออกแบบ แถวตรงลานข้าวเปลือกจะเป็นพวกพิพิธภัณฑ์...หือ...ตรงลานข้าวเปลือกจะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ อย่างประวัติท่านครับกระผม แต่ตามแปลนเก่า กุฏิหลวงปู่ไม่ได้รื้อแล้ว”

หลวงปู่ปรารภต่อ... “หือ...ได้รื้อเบิ้ดคือว่าซั่น ...

พระอ.สุดใจพูด “ตามที่ใหม่ที่เค้าออกความคิดมาไง”...

หลวงปู่ลีว่า... “เพิ่นไปปัดซุมอยู่พุ้นดิ๊ อยู่สวนแสงธรรมพุ้นดิ๊ อั่นเว้าใหม่เหนี่ย...ผมบ่มักแหล่ว อือ...คันเว้าคือจั่งอยู่นั่นหนะ ความจริงเมมเพิ่นหมู่นั่น ผมบ่ให้ทำลายเลย ให้ช่างมามุงไว้นั่น ให้คนกราบคนไหว้หั่น ยังสิมีประโยชน์กั่วนั่น มีประโยชน์กว่าดี้ มีประโยชน์กว่าเจดีย์ซ้ำหละแหม๋ เมมเพิ่นหนะ เฮามุง มามุงไว้บ่ให้ฝนถืกมัน ผมบ่อยากให้ทำลายเลยอันหนิ ให้ปัดซุมอยู่ มันบ่เฮ็ดเทือหนิเฮ็ด...สิมาคัดค้านเด๋ ! คันสิมารื้อแบบหนิ...บ่เอ๋า ! มากราบฮอยมือฮอยตีนพ่อแม่ครูจารย์ยังสิมีประโยชน์กั่ว...”

โยมกราบเรียนพระอาจารย์สุดใจว่า... “หลวงพ่อย้ายไปอยู่ข้างนอกได้มั้ยครับ ถ้าหลวงปู่ปรารภแบบนี้”

พระอาจารย์สุดใจตอบ... “คือ หลวงตาท่านสั่งห้ามไว้แล้ว”...

โยมพูดอีก... “ยังไงความหมายของหลวงปู่บอกว่า ยังไงก็ฝืนหลวงตาท่านอยู่แล้วก็เอาเป็นข้างนอกเลย คือเมื่อเช้าหลวงปู่ปรารภอย่างนี้ด้วยครับผม แล้วแต่หลวงพ่อจะพิจารณาครับ”...

ท่านอาจารย์สุดใจกราบเรียนหลวงปู่ “คือ...ถ้าสร้างตามแปลนเก่า มันจะไม่กระเทือนอะไรทั้งนั้น หือ...คือถ้าสร้างตามแปลนเก่าที่เค้ามาเสนอในที่ประชุม มันจะไม่กระเทือน ศาลาใหญ่ก็ยังอยู่ แล้วก็เมรุเพียงแต่สร้างครอบลงไปเท่านั้นเอง”...

โยมกราบเรียนเพิ่มอีก... “ต่อไปมันจะไม่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวบ่ครับกระผม”

ท่านอาจารย์สุดใจว่า... “มันก็เป็นไปโดยปริยายอยู่แล้ว”....

โยมพูดเพิ่มอีก... “ถ้าแบบนี้หลวงพ่อไม่ฝืนไปทำข้างนอกเลย เหรอครับ รถทัวร์มาก็จอดข้างนอกหมด ภายในวัดก็ไม่มีจอด”

ท่านอาจารย์สุดใจตอบว่า “เค้าเข้ามาอยู่ดีแหละ คือ คราวแรกเราว่า ตรงที่เก่าตรงเมรุเพิ่น ถ้าสร้างตรงนั้นมันจะใกล้วัดเกิน ไป ก็ให้ขยับไปตรงคอกวัว เค้าไปออกแบบมาแล้ว เพราะว่ามันไม่สะดวก มันไม่เหมือนอยู่ที่เก่า แล้วก็เลยถามว่า แล้วศาลาหลังใหญ่หละ มันจะไม่บังภาพเจดีย์อะไรเค้ารึเปล่า เค้าบอกไม่ ไม่ขัดกันถึงจะมีศาลาหลังใหญ่อยู่ก็ตามที มันจะไม่ขัดกัน ตอนนี้ก็เหลือแต่เพียง ประมูลมั้ง หลวงปู่บุญมีท่านก็ไม่เห็นด้วย หือ”...

โยมกราบเรียนหลวงปู่ว่า... “หลวงปู่บุญมีบ่เห็นนำครับ”...

หลวงปู่ลีปรารภต่อ... “กะบ่เห็นนำแหลว คันว่ารื้อของเก่าพ่อแม่ครูจารย์แล้ว บ่เห็นนำเลย โย่ว...เว้าคือจั่งท่านอินทร์ไปปัดซุมอยู่นั่น คะเจ้าโทรศัพท์บอกนะ มาเว้าให้ฟังแบบท่านหนิ”

โยมกราบเรียนอีกว่า... “ขอโอกาสครับพระอาจารย์ หือ...คือพวกโยมฟังแล้วก็ มันยังไม่ทันสร้างครับ ก็ครั้งแรกครูบาอาจารย์ว่าอย่างนั้น ก็อยากจะเหมือนหลวงปู่ลี หลวงปู่บุญมีท่านปรารภ เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้สร้างครับ ประมูลยังไงก็ไม่ได้ทำ”

พระอาจารย์สุดใจเลยว่า... “พูดไว้ก่อนไง สร้างสมองก่อน”...

โยมแทรกว่า... “ถ้าทางโลกภายนอกเค้าว่าโยนหินถามทางก่อนครับผม หือ...ถ้าโลกภายนอกก็ว่าโยนหินถามทาง จะมีเสียงค้านบ่ อีหยังบ่”
ท่านอาจารย์สุดใจพูดต่ออีก... “ว่าจะแกะรูปปั้นตรง หินอ่อนไว้ตรงศาลาใหญ่ หือ...แกะรูปพ่อแม่ครูจารย์ด้วยหินอ่อนแล้วตั้งบริเวณศาลาหลังใหญ่ ศาลาหลังใหญ่หนิ รื้อทิ้งเลย”

โยมพูดเสริม... “บอกว่าหน้าตัก ๙ เมตร ความสูงต้องกี่เมตรนี่ จะไปไว้ที่คอกวัว แล้วก็ศาลาหลังใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง และผมไม่กล้ากราบเรียนหลวงปู่มา ตั้งนานแล้ว จนวันนี้ ลุงชูมาหาหลวงปู่ แล้วถามลุงชู ลุงชูก็บอกว่า ข่าวก็มาว่าแบบนี้ ก็เลยคุยกันเลย ที่ลูกศิษย์เต็มไปหมด ก็หลวงพ่อก็มีข่าวออกมาเหรอครับ”

พระอาจารย์สุดใจตอบ... “ก็เค้ามาเล่า เล่ากันให้ฟัง เราก็เพียงเห็นว่า มันก็ยังไม่ทันได้เริ่มสร้างและมีเสียงค้าน “เกิดทำเลยหละครับ” (โยมแทรก) ...ก็นั่นซี้ แต่อย่างน้อยหลวงปู่คงจะทราบก่อนไง คือพระผู้น้อยเราพูดขึ้น เดี๋ยวก็ว่าไปขัดกับผู้ใหญ่อีก ให้หลวงปู่ไปพูดขึ้นเองมันก็เหมาะ”

หลวงปู่ลีพูดขึ้นว่า... “เอาแหลว...เว้าทอนั่นหละ...”....หลวงปู่ลี พูดต่อท้ายอีก.... “บ่ให้สร้างแหล่ว มาม้างฮอยมือพ่อแม่ครูจารย์ มันกะซั่นแหลว บ่อนอื่นกะบ่อึดบ่อยาก สิมาเบียดเบียน มาทำลายฮอยตีนฮอยมือ ฮ้วย...มาม้างมารื้อ หนี่หละมันบ่มักแท้ใจ บ่มักจักดี้เลย...! ที่มันกะกว้างขวางกะด้อกะเดี้ย สิมาม้างศาลา สิมาม้างกุด แล้วมาเฮ็ดว่าซั่น มันบ่ถืก บ่ถืกใจแหล่ว คันบ่ม้างบ่ว่าเด๊ อือ...กะอยากกว้างขวางกะมีอยู่หนะ เฮ็ดปานใด๋ เฮ็ดทางนอกหะหนะ สิมาเบียดเบียนหยังแถวเนี่ยะ... ไทกรุงเทพเขากะบ่พอใจแหล่ว พวกกรุงเทพเขากะบ่เห็นดีนำแล้ว เขาจั่งค่อยมาบอกให้ มาคัดค้าน

ท่านอินทร์ไปอยู่พุ้นหนะ พุ้นนะ พู้นสิตั้งร้านขายของนำพร้อม เดิ่นมันบ่กว้าง ให้ฮื้อศาลาใหญ่ออก แหล่วกะกุดทางอาตมาอยู่นั่น รื้อออก อือ...คันสิเฮ็ดกว้างเฮ็ดขวางปาน นั่น บ่อนซื้อใหม่กะเฮ็ดปานใด๋ จ่งไว้ตั้ง ๓๐ ไร่ พุ้นหนะ อือ...หนิบ่ได้กีดหยัง แหล่วกะมีอยู่หนิ บ่อนกว้างบ่อนขวง คันสิเฮ็ดหนะ นี่สิมาม้าง ขี้ตีนขี้มือ พ่อแม่ครูบาอาจารย์...บ่เอา ๆ บ่มัก

อือ...ศาลาใหญ่หนิดี้ เพิ่นสั่งให้กระทิงแดงเฮ็ด กว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร วาซั้น กะยกมือวื่นโลด อือ...แหล่วเฮาสิมาม้างฮอยตีนฮอยมือครูบาอาจารย์ ไปเฮ็ดแนวอื่นวาเนี้ย โหย...มันบ่จุใจ บ่ถืก ศาลาเนี้ย เจ้าคุณธรรมฯ มาเฮ็ดให้พ่อแม่ครูจารย์หนา อือ...เพิ่นบ่ทันฮู้จักหยังวา เพิ่นบ่อยากให้เฮ็ดหยัง อือ..อัน เพิ่นกะเลยมาเว้าไทบ้าน เอ่อ...ไทบ้าน จัดไม้กัน สร้างศาลาวาซั้น ไทบ้านกะพุ้น เขาเลื่อยไม้แล้ว ขนเข้ามาวัดดี้...เอ่า...แมนผู้ใด๋เฮ็ดหยัง เจ้าคุณธรรมฯเพิ่นจัดไม้ให้หมวด ผมเลื่อยไม้เฮ็ดศาลา วาซั้น ผู้ใด๋บอก เจ้าคุณธรรมฯแหละวาซั้น ปากบ่ได้พ่อแม่ครูจารย์ แต่กี้เขาเจ้าแก่ไม้มา ผู้ใด๋แก่ไม้เสียงล้อมันคือหลาย...แล่น มาเบิ่ง มาเบิ่งไม้กะมาแล้ว เขากะไปบอกเจ้าคุณธรรมฯ มากะมาเบิ่ง...เอ่อ เฮ็ดศาลาเด้อครูบาเอ้ย พ่อแม่ครูจารย์กะยกมือซือๆ ทางในเมียงสิเป็นสังกะสีเป็นกะเบี้ยง อั่น เป็นตะปูเป็นเหล็กอีหยัง ทางในเมียงสิหามา ให้สูเลื่อยไม้ ไทบ้านเขาอยากเฮ็ดคือหยังเนี้ย มีผู้จัดให้เขากะเฮ็ดหั่นตั๊ว ....คันสิเว้าแบบนี่ บ่ให้เลย มาคัดค้านโลดแล้ว “ เจ้าฟ้าหญิงเพิ่นกะสิเห็นดีนำอยู่หนิ “ สิมาทำลายฮอยมือเพิ่น

ปะซุมอยู่พุ้นกะคือกันแหลว ยกฮอดพ่อแม่ครูจารย์ใหญ่หมั่นพู้น เพิ่นว่าเพิ่นบ่ปรารภเลย เรื่องเจดีย์หนิ อือ...เพิ่นเว้ามาแต่พุ่นหนะ การก่อสร้าง เพิ่นบ่เห็นดีด้วยหละพ่อแม่ครู จารย์หนะ เดินแต่จงกรมภาวนาท่อนั่น การก่อสร้างบ่เห็นดี อือ...กุฏิหลังใหญ่ ๆ กะมีแต่ไทกรุงเทพแหละ หมอเจริญมาเฮ็ดให้ แหล่วกะด็อกเตอร์เชาว์ เพิ่นไปกรุงเทพกะหลอย เขามาเฮ็ดให้ กุฏิใหญ่หนะ ปฏิปทากะมีแต่กะต็อปแหล่ว มีแต่กะต็อปผ้าแอ้ม แอ้ม ๆ ผ้าแหละแต่เก่า...ทางนอกแม่นอัตมาเหนี่ยเฮ็ด อัตมาบ่เฮ็ด สั่งลูกน้อง ไปแหล่ว...กะสั่งลูกน้องให้มาเฮ็ดให้ ไปนำเพิ่นเด้ ไปกรุงเทพนำเพิ่น สิไปยามใด๋กะสั่งหมู่ให้มาเฮ็ดให้ อื้อ...เพิ่นบ่ฮ้ายแหล่ว ของไปนำเพิ่นเด้ มีแต่จ่มแหล่ว อื้อ...ไปกรุงเทพยามใด๋ กุฏิมันขึ้นโลด...ฟังอยู่หมู่ปัด ซุมกัน โย้ว...บ่ได้เฮ็ดง่ายดอก เบิ่งอยู่ มาเว้านี่ สิมารื้อศาลาใหญ่ออกหนา มันตำใจแฮงโพด ก่อสิมาบอกหนิ....”

โยมถามกันว่า... “สาธุ จะให้เฮ็ดหรือเปล่า?”....ไม่ให้เฮ็ด !!!

หลววงปู่ลี... “...บ่อน บ่อึดบ่อยาก บ่อนสิตั้งหนา เฮ็ดกว้างปานใด๋กะได้ตั๊ว ท่งนากะยังหลายอยู่หนิ อือ...สิมาเบียดเบียนหยังอันเฮ็ดแล้ว ๆ สิมาแย่งชิงอีหยัง ??? อื้อ...ป่ะ กลับเด้อ นั่งหลายบ่ไหว...”

ขออนุญาตพระคุณเจ้า copy มาจัดหน้าใหม่ เพราะโยมตาลาย อ่านไม่ค่อยจะได้อรรถรสตามหลวงปู่เจ้าค่ะ ^_^

เอกสารแผ่นภาพที่เกี่ยวเนื่องของที่มา-มูลเหตุ...


https://www.facebook.com/media/set/?set ... 671&type=3
ตอบกระทู้