การเมืองเรืองน้ำท่วม

พุธ 19 ต.ค. 2011 12:08 am

: 299821_2382572556040_1002502921_32677480_1862976551_n.jpg (63.39 KiB) เปิดดู 2214 ครั้ง

หมายเหตุ ภาพประกอบนี้ไม่มีเนื้่อหาเกี่ยวกับบทความนะครับ ไปเจอมาในเฟซบุ๊คเลยเอามาประกอบ ขำๆ ครับ
----------------------------------
การเมืองเรืองน้ำท่วม โดย วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
ไปดูได้ที่นี่ครับ http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=1036
ผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งในเขตปริมณฑลที่กำลังต่อสู้กับอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังหลังไมค์ว่า

“คุณรู้ไหม คนที่กำหนดให้เส้นทางน้ำไหลไปท่วมทางใดทางหนึ่งนั้น ไม่ใช่นักวิชาการ วิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญทางน้ำหรอก แต่เป็นนักการเมืองล้วน ๆ”

ช่วงเวลาก่อนที่กองทัพน้ำก้อนมหึมาหมื่นกว่าล้านลูกบาศก์เมตรจะมาไหลเอ่อท่วมจังหวัดภาคกลาง มีการออกกำลังภายในของนักการเมืองรุ่นใหญ่ สั่งให้กรมชลประทานผันน้ำไปในทิศทางตรงข้ามกับจังหวัดของตัวเอง เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมที่นาของชาวบ้านเขตฐานเสียงของตัวเอง เพราะยังเกี่ยวข้าวไม่เสร็จ โดยไม่ได้สนใจองค์ความรู้เรื่องการจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยภาพรวมเลย

ตอนนั้นเราจึงได้เห็นน้ำท่วมที่นาหลายจังหวัด บางจังหวัดท่วมพอเป็นพิธี แต่พอเกี่ยวข้าวเสร็จ ปริมาณน้ำมหาศาลก็ไหลท่วมจังหวัดเหล่านี้โดยเท่าเที่ยมกัน

อันที่จริงการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เรากำลังเผชิญทุกวันนี้ เป็นเรื่องของการใช้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องบวกกับความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ แต่ทุกวันนี้ภาพที่ปรากฎทางหน้าจอทีวี ตอนรายงานข่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ รอบข้างคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของเรา แทนที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ วิศวกรทางน้ำคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด กลับท่วมท้นไปด้วยหน้าตาบรรดานักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ชูหน้ากันสลอน แทบไม่มีใครมีความรู้ความชำนาญแก้ปัญหาภัยพิบัติที่คนไทยต้องเผชิญอยู่เลย

รัฐบาลใช้คนผิดในการแก้ปัญหาอันสลับซับซ้อน การประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลจึงผิดพลาดมาโดยตลอด บ่อยครั้งที่เราจึงมักจะได้ยินเสียงใส ๆ ว่า “ ขอแสดงความเสียใจ”

หลายครั้งที่กรมชลประทาน หน่วยงานที่มีความรู้ความชำนาญในการจัดการน้ำมากที่สุดของประเทศ ได้แนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแก่รัฐบาล ไม่ว่าจะการปิดประตูน้ำตรงคลองนี้ เปิดประตูน้ำตรงคลองนี้ เพื่อระบายน้ำจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง ยอมปล่อยให้บริเวณนี้ท่วม เพื่อรักษาอีกบริเวณหนึ่ง โดยพิจารณาจากความสำคัญของพื้นที่ และรัฐบาลต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับพื้นที่ที่ยอมเสียสละอย่างเต็มที่

แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ไม่กล้าตัดสินใจอะไร เพราะกลัวจะกระทบฐานเสียงของสส.ในสังกัด คนนั้นหรือคนนี้ จนสุดท้ายน้ำก็เอ่อล้นท่วมนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ค่าเสียหายทวีความรุนแรงอย่างน่าอดสู เพราะการไม่กล้าตัดสินใจของรัฐบาล

ล่าสุดกรมชลประทานพยายามเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาครั้งสำคัญด้วยการปิดคลองข้าวเม่า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลมาท่วมพื้นที่สำคัญด้านล่าง แต่สุดท้ายกรมชลฯก็ต้องถอยกลับไป เมื่อนักการเมืองชื่อดังไม่ยอมให้กรมชลประทานเข้าไปปฏิบัติงาน อ้างว่าทำให้ชาวบ้านของเขาเดือดร้อน

เมื่อนักการเมืองท้องถิ่นพูด รัฐบาลก็เงียบ และไม่ตัดสินใจอะไรสักอย่าง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ กองทัพน้ำจึงตีแนวป้องกันน้ำท่วมแตกทุกแนว จนกองทัพน้ำไหลมาล้อมกรุงเทพมหานครกันแล้ว

แนวป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานครถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด เพราะกทม.มีประสบการณ์มายาวนาน มีผู้คนและองค์ความรู้ที่สั่งสมมายาวนานในการจัดการป้องกันน้ำท่วม

แต่หากรัฐบาลยังใช้การเมืองแก้ปัญหาน้ำท่วม แทนที่จะใช้องค์ความรู้แก้ไขปัญหาน้ำท่วม

คงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

กรุงเทพธุรกิจ 20 ตค.54