Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:08 am

ปริสุทโธ fatherkoon re1.jpg
ปริสุทโธ fatherkoon re1.jpg (35.37 KiB) เปิดดู 5466 ครั้ง


จ่าอากาศวิญญู สิงห์โตแก้ว เป็นทหารอากาศที่ประจำการอยู่ฝ่ายขนส่งแผนกบริการการบิน จังหวัดนครราชสีมา ตลอดชีวิตจ่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหน ใช้ชีวิตทำงานอย่างเรียบง่ายสุขสบาย แต่แล้ววันที่เคราะห์ร้ายที่สุดในชีวิตของจ่าวิญญูก็มาถึง มันเป็นวันที่จ่าจะไม่มีวันลืมได้เลยตลอดไป

วันนั้นเพื่อนที่อยู่จังหวัดลพบุรีได้มาชวนจ่าไปเที่ยวบ้านของเขา แกก็ตกลงเพราะเห็นว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดราชการ เมื่อเลิกงานก็นั่งรถเพื่อนที่ขับมารับไป ในรถมีเพื่อนของเพื่อนอีก 3 คนเดินทางไปด้วย เมื่อออกจากโคราชเย็นกว่าจะถึงลพบุรีก็ดึกพอสมควร ก่อนเข้าตัวเมืองนั้นเพื่อนที่ขับรถมาได้ขอแวะจอดรถข้างทางเพื่อปัสสาวะ

และเมื่อคนหนึ่งลง ทุกคนที่เหลือก็เลยถือโอกาสลงไปด้วยกันทั้งหมด ขณะที่ทุกคนยืนหันหน้าเข้าข้างทางยังไม่ทันจะได้ปัสสาวะ ก็ได้ยินเสียงตวาดดังลั่นมาจากทางด้านหลังว่า

"หยุดอยู่กับที่ทุกคน อย่าขัดขืน นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว"

จ่าวิญญูและเพื่อนตกตะลึงสุดขีด เพราะตนเองและเพื่อนมิได้กระทำความผิดอะไรกันมาเลย คิดไม่ถึงว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายไปได้ เมื่อหันไปดูชัด ๆ ก็พบว่ามีตำรวจแต่งกายครึ่งท่อนถือปืนพกและอาวุธสงครามจ่อมายังตน เมื่อรูปการณ์เป็นดังนี้ก็ไม่มีใครต่อสู้แต่อย่างใด ปล่อยให้คนที่เรียกตัวเองว่า "ตำรวจ" จับใส่กุญแจมือแต่โดยดี

จ่าวิญญูเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแน่ จึงรีบบอกว่าตนเองเป็นข้าราชการเหมือนกัน เป็นทหารอากาศ บัตรประจำตัวก็มี พร้อมที่จะหยิบให้ดู แต่กลับได้รับคำตอบจากกลุ่ม "ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์" ว่า

"กูไม่สนใจว่ามึงจะเป็นอะไร พวกมึงยอมรับสารภาพมาซะดี ๆ ว่าเป็นโจรปล้นรถทัวร์ประจำทาง"

ทั้งจ่าและเพื่อนต่างปฏิเสธกันเสียงขรม เพราะไม่ได้ผิดคิดร้ายอะไรมาเลยจริง ๆ แต่ละคนก็บอกถึงสถานที่อยู่และงานการที่ทำเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัว แต่ตำรวจกลุ่มนั้นก็ไม่ฟังเสียงใด ๆ พาทุกคนไปขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่แล้วขับออกจากที่นั่น ส่วนรถเก๋งที่เพื่อนจ่าขับมาตำรวจนายหนึ่งก็ขับตามหลังไป

ที่เลวร้ายที่สุดของตำรวจชุดนี้คือแทนที่จะพาจ่าและเพื่อนไปสถานีตำรวจ พวกมันกลับพาไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในที่เปลี่ยว บังคับให้ทุกคนเข้าไปในนั้นแล้วลงมือสอบสวนเพื่อจะให้ยอมรับสารภาพ เมื่อปฏิเสธ ตำรวจชั่วกลุ่มนี้ก็เริ่มลงมือซ้อมจ่ากับพรรคพวกจนสะบักสะบอม แม้ทำกันถึงขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครยอมรับสารภาพเพราะไม่ได้ทำจริง ๆ

ตำรวจแก๊งนี้จึงเริ่มปรึกษาหารือกันแล้วในที่สุดก็ไขกุญแจมือแล้วควบคุมตัวพวกจ่าวิญญูออกมานอกบ้าน เมื่อแรกจ่าก็ยังนึกดีใจว่ามันคงอ่อนใจที่จับผิดคนแล้วจะปล่อยให้ขึ้นรถกลับไปได้

tam re 2.jpg
tam re 2.jpg (20.94 KiB) เปิดดู 5452 ครั้ง


แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ขณะที่เดินรวมกลุ่มกันมาเรื่อย ๆ ตรงไปยังรถของเพื่อนจ่านั้น ตลอดสองข้างทางเป็นป่ารกและมีคูน้ำอยู่ใกล้ ๆ พลันหูจ่าก็ได้ยินเสียงตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นเบา ๆ กับเพื่อนของมันว่า

"ยิงพวกมันทิ้งเลยเถอะวะ บอกว่าขัดขืนต่อสู้ก็หมดเรื่อง จะได้ปิดคดีไปเลย"

ได้ยินอย่างนั้นจ่าก็ใจหายวาบ คิดด้วยความเสียวใจทันทีว่าตนเองต้องตายแน่ ๆ แล้วหนนี้ จะมองหาทางรอดใด ๆ ก็ไม่มี เมื่อจนตรอกจนแต้มหัวใจก็ประหวัดคิดถึง หลวงพ่อคุณ ปริสุทโธ ทันที เพราะตนเองเคยไปกราบท่านที่วัดและได้ขอให้ท่านฝังตะกรุดโทนทองคำไว้ที่ท้องแขน 1 ดอก กับห้อยเหรียญรูปเหมือนของท่านอยู่ที่คอ 1 เหรียญ
toaboocha re1.jpg
โต๊ะหมู่บูชาครูของหลวงพ่อ เห็นรูปหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ ผู้ปรมาจารย์เป็นประธาน
toaboocha re1.jpg (34 KiB) เปิดดู 5455 ครั้ง

parisutto re1.jpg
parisutto re1.jpg (18.79 KiB) เปิดดู 5449 ครั้ง

จ่าได้แต่ร่ำร้องเรียกหาหลวงพ่อคูณอยู่ในใจขออย่าได้มีอันตรายจนถึงชีวิตเลย เพราะตนก็ไม่เคยประกอบกรรมทำชั่วใด ๆ อธิษฐานได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระชากลูกเลื่อนของปืน กำลังคิดว่าจะตะโกนบอกเพื่อน ๆ ให้ระวังตัวเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านหลัง ตัวจ่าเองมีความรู้สึกเหมือนถูกกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างแรงจนหมดสติไป

tam re1.jpg
tam re1.jpg (15.34 KiB) เปิดดู 5439 ครั้ง


เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็ล้มลงระเนระนาด ไม่มีใครรู้ชะตาชีวิตใครได้อีก

เมื่อทั้งห้าคนร่วงเป็นใบไม้หมด ตำรวจกลุ่มนั้นก็ใช้วิธีเดินยิงซ้ำไปทีละคน ทีละคน ขณะนั้นจ่าได้สติกลับคืนมาแล้ว หูก็แว่วเสียงปืนยิงไล่ไปทีละคนจึงได้นึกว่าครั้งนี้เราคงตายแน่แท้

จ่ารู้ตัวว่าถูกยิง แต่ไม่รู้ว่ากี่นัด ไม่รู้ว่าเข้าไปถึงไหนอย่างไรเพราะชาไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงปืนยิงทีละคนก็คิดว่าควรนอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนี้เผื่อพวกมันจะคิดว่าตายไปแล้วจะไม่มายิงซ้ำอีก

นับว่าได้ผล

เพราะพวกตำรวจทั้ง 7 คนไม่ได้ให้ความสนใจกับจ่าวิญญูอีกด้วยเข้าใจว่าป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว ได้ยินเสียงหัวหน้ากลุ่มสั่งให้ลากศพทุกคนทิ้งลงไปในคูน้ำข้างถนน ตัวจ่าวิญญูเองเมื่อพวกมันลากศพแกลงไปในคูน้ำแล้วยังยกเท้าที่สวมคอมแบตเหยียบต้นคอให้หัวจมลงไปในน้ำอีก เรียกว่าป้องกันไม่ให้ฟื้นจริง ๆ จ่าต้องกลั้นลมหายใจจนเกือบทนไม่ไหว เดชะบุญว่ามันชักเท้าขึ้นมาก่อนไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นผีไปจริง ๆ

หลังจากปฏิบัติการโหดแล้วพวกมันก็ไม่ไปไหน แต่จับกลุ่มเฝ้าศพกันอยู่ตรงนั้น คงวิทยุไปแจ้งหน่วยใหญ่ให้มา แกจึงไม่กล้ากระดุกกระดิกได้แต่นอนเบี่ยงหน้าให้พ้นน้ำมาหน่อยหนึ่งเพื่อหายใจ จ่าทนทรมานแช่น้ำอยู่อย่างนั้นจนฟ้าสางจึงได้ยินเสียงผู้คนพูดกันเอ็ดอึงถึงได้รู้ว่าเริ่มมีประชาชนมามุงดูแล้ว

ได้ยินพวกตำรวจชั่วอธิบายความดีของตัวเองในการจับผู้ร้ายปล้นรถทัวร์เจื้อยแจ้ว ทำนองว่าพวกนี้เป็นโจรปล้นรถทัวร์ ตำรวจต้องการจับกุมแต่กลับยิงขัดขืนต่อสู้ ตำรวจจึงต้องป้องกันตัวโดยใช้มาตรการเด็ดขาดคือวิสามัญคนร้ายทั้งหมด

ดูมันพูด เหมือนนายมันเปี๊ยบ

เมื่อจ่าวิญญูแน่ใจว่าบัดนี้มีประจักษ์พยานมามากมายอีกทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และทีมแพทย์ที่มาเพื่อชันสูตรพลิกศพก็มาพร้อม จ่าวิญญูจึงตัดสินใจลุกขึ้นตะโกนทันที

"ผมยังไม่ตาย ผมยังไม่ตาย"

ตำรวจชั่วทั้งกลุ่มถึงกับตกตะลึงจังงัง เพราะคิดไม่ถึงว่าเหยื่อโหดที่อุตส่าห์ยิงทิ้งกับมือจะยังดื้อด้านไม่ยอมตายแถมยังลุกขึ้นมาประกาศความชั่วที่ตัวทำ

ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างตกอกตกใจไปด้วย เพราะสภาพของจ่าน่าจะเป็นคนที่ตายไปแล้วจริง ๆ เสื้อผ้าก็ขาดวิ้นสกปรกมอมแมม เนื้อตัวก็มีแต่เลือดแดงฉานไปหมด

หากเสื้อผ้าที่ขาดเพราะรอยกระสุน ก็มิได้ทำให้หนังของเขาขาดไปด้วย...

หากเลือดแดงที่ฉาบ ก็มิใช่เลือดของจ่าวิญญูสักหยดแต่เป็นเลือดของเพื่อนที่ไปด้วยกัน...

แพทย์ที่มาเพื่อชันสูตร "ศพ" กลับกลายเป็นต้องมาชันสูตร "คน" ตรวจร่างกายแล้วปรากฏว่าไม่มีบาดแผลจากคมกระสุนเลยแม้แต่นัดเดียว นอกจากรอยบวดปูดแดงเป็นจ้ำใหญ่ ๆ ขึ้นมามากถึง 16 รอยด้วยกัน แสดงว่าจ่าวิญญูถูกยิงด้วยอาวุธสงครามถึง 16 นัด

แต่ไม่เข้าเลยแม้สักนัดเดียว

ถึงโชคดีรอดตายแต่ก็ต้องถูกจับข้อหาปล้นรถทัวร์ แล้วจ่าก็ต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมจนกระทั่งศาลสั่งยกฟ้องเพราะไม่เชื่อว่าจ่าทำความผิดจริง ส่วนตำรวจชั่วทั้งกลุ่มจ่าวิญญูทำใจได้อโหสิกรรมให้เพราะไม่อยากให้เป็นกรรมพัวพันกันไปอีก

แต่พวกมันก็ได้รับกรรมไปเองทีละคน ๆ

จ่าวิญญูผู้หนังเหนียวแม้ในยามวิบากกรรมตามให้ผล ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแต่ "ตะกรุดทองคำ" ดอกเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังดอกเดียว กับ เหรียญรูปเหมือนชิ้นเล็ก ก็ยังสามารถฝ่าดงกระสุนออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเพื่อนทั้งสี่ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดเลยแม้แต่นิดเดียว...
วัดบ้านไร่fatherkoon re2.jpg
วัดบ้านไร่fatherkoon re2.jpg (25.25 KiB) เปิดดู 5443 ครั้ง

นี่คือบารมีของหลวงพ่อคูณ ผู้ได้รับถวายฉายานามจากศิษย์โดยเคารพว่า "เทพเจ้าแห่งที่ราบสูง"

และนี่คือผลงานของ "ตำรวจไทย"

ซึ่งควรสดุดีเขา เพราะถ้าไม่มีเขา เราก็จะไม่รู้ว่าหลวงพ่อคูณเก่งจริง ๆ



หมายเหตุ - ขอบพระคุณคุณนที ลานโพธิ์ ที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูลครับ คัดจาก "เหตุเกิด ณ วัดบ้านไร่"

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:29 am

สาธุครับ บารมีหลวงพ่อคูณ
อู๊ดโชคดีที่ได้ไปฝังกะเค้ามาบ้าง เมื่อสักราว 4 ปีก่อนน่ะครับ คนเยอะมากกกกกกก



แต่อ่านแล้วก็ให้สะท้อนใจกับตำรวจไทยจริง ๆครับ :cry: :cry:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:33 am

เคยได้ยินผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า

หลวงพ่อ... ท่านเคยบอกว่า ที่ผ่านมา ท่านได้พบกับพระผู้ที่จิตทรง ฌาน ตลอดเวลาอยู่ 3 รูป

องค์แรก หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี

องค์ที่สอง หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก จังหวัดเชียงใหม่

องค์ที่สาม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา

ดังนั้น ไม่ว่าท่านทั้งสามนี้ จะจับต้อง สัมผัสของสิ่งใด ล้วนแล้วแต่เชื่อได้ว่า ขลัง

จำได้เท่านี้ล่ะฮะ

คริ คริ คริ

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:35 am

อืมม์ ความจำดีนี่ครับ

คุก คุก คุก

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:35 am

ไม่ให้รางวัลหน่อยหรือฮะ

คริ คริ คริ

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 2:37 am

ก็อย่างที่กราบเรียนไว้ท้ายประโยคนั่นแหละครับ

คุก คุก คุก

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

เสาร์ 18 ต.ค. 2008 3:55 am

เรื่องนี้ผมเคยอ่านผ่านสายตามานานมากแล้วครับ
แต่ยังพอจำความได้บ้าง.....
ต้องชมเชยกับท่านผู้เขียนครับ ที่สามารถ
"ยืมกระบี่ เฉือดมือกระบี่"
และนำมาเสนอได้แบบน่ารัก น่าชัง
ส่อให้เห็นเลยครับว่า...
ท่านรณธรรม นี่น่ารัก น่าชัง เจง เจง
น่ารักก็ตรงอุปนิสัยและความสามารถ
น่าชัง คงเป็นที่หน้าตาดีกว่าผมละครับ
นี่ขนาดผมลงพระลักษณ์หน้าทอง รองรับด้วย
พระกาฬไชยศรี แถมบัดพลีด้วยกล้วยน้ำว้า
เพาะบ่มด้วยน้ำยามากว่าสิบปี.....
ยังมิสู้ศิษย์พี่ท่านนี้ได้เลยยยยยยยย :lol: :lol:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อาทิตย์ 19 ต.ค. 2008 2:03 am

อย่ามาแกล้งยอฉัน ฉันเป็นดวงจันทร์ที่ถูกเมฆบัง....


.gif
.gif (9.3 KiB) เปิดดู 5327 ครั้ง

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อาทิตย์ 19 ต.ค. 2008 7:29 am

อือม...เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ครับ...เยี่ยม น่าสนใจ เด็กๆ อย่างผมได้ความรู้เพิ่มเลย :mrgreen:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อาทิตย์ 19 ต.ค. 2008 10:13 pm

:shock: :shock:


เด็ก ??!!

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อาทิตย์ 19 ต.ค. 2008 10:15 pm

:lol: :lol:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

จันทร์ 20 ต.ค. 2008 8:56 am

สงสัยต้องไปโคราชซะแล้วสิ :lol: :lol:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

จันทร์ 20 ต.ค. 2008 8:57 am

นิมนต์เลยครับ :D

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

จันทร์ 20 ต.ค. 2008 10:47 pm

พี่ต่อคับ ฟังแล้วจอมอยากฝังตะกรุดทองบ้างจัง

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อังคาร 21 ต.ค. 2008 3:54 pm

อยากฝังต้องรีบไปครับผม เพราะตอนนี้หลวงพ่ออายุมากแล้วแต่ก็ยังมีศิษย์(พี่ธวัช)เป็นผู้ลงมือตอกตะกรุดและฝังเอง เมื่อฝังเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อคูณจะเป็นองค์เป่าพ้วงซ้ำอีกที ที่พี่ไปล่าสุด(ก็เป็นปีแล้วล่ะ) ดอกละ 200 บาท แต่ ณ วันนี้ยังไม่ทราบครับ ไว้มีโอกาสโทรเช็คแล้วจะมาแจ้งข่าวอีกทีละกัน

ยังไงก็รีบไปเน้อน้องเน้อ

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อังคาร 21 ต.ค. 2008 4:34 pm

ว้าวๆๆๆๆ เจ็บมั้ยหนอ

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อังคาร 21 ต.ค. 2008 4:42 pm

มดกัดเจ็บกว่าครับ นี่เรื่องจริง เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะ ;)

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

อังคาร 21 ต.ค. 2008 11:49 pm

อู๊ด ล่าสุดกว่าครับเมื่อราวสามปีก่อน คิวยาวเหยียดไม่ต่ำกว่าห้าสิบคน ตอนนั้นดอกละ 300 แล้วจ้า :mrgreen:

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

พุธ 22 ต.ค. 2008 1:42 am

จริงรึ ?

พาไปทำไมลืมล่ะ

Re: อิทธิคุณแห่งหลวงพ่อคูณ

พุธ 22 ต.ค. 2008 1:42 am

อายุมังขอรับ...............ฟี๊ววววววส์ :lol:
ตอบกระทู้